Fact หลังเกม : 5 จุดน่าพูดถึง หลังผีแดงบุกเชือดไก่ 1-0 ถึงเวมบลีย์

Fact หลังเกม : 5 จุดน่าพูดถึง หลังผีแดงบุกเชือดไก่ 1-0 ถึงเวมบลีย์
Fact หลังเกม : 5 จุดน่าพูดถึง หลังผีแดงบุกเชือดไก่ 1-0 ถึงเวมบลีย์

5 ประเด็นที่น่าถูกพูดถึง จากเกมบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังเดินหน้าทำผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่อง ภายใต้การคุมทีมของกุนซือขัดตาทัพอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ หลังจากยังรักษาสถิติชนะ 100% ต่อไป เมื่อบุกชนะทีมแกร่งอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-0

ทีมปีศาจแดงทำสถิติชนะ 6 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ และเป็น 5 เกมซ้อนในพรีเมียร์ลีก ทำให้ตอนนี้พวกเขาทำแต้มขึ้นมาเท่ากับทีมอันดับ 5 อย่าง อาร์เซน่อล เรียบร้อยแล้ว และตามหลัง เชลซี ทีมอันดับ 4 เพียง 6 แต้มเท่านั้น

ขณะที่ สเปอร์ส แม้จะพบกับความพ่ายแพ้ แต่ก็ยังเป็นเกมที่พวกเขาเล่นกันได้ดี โดยเป็นฝ่ายครองบอลเหนือกว่า และสร้างโอกาสลุ้นประตูได้มากกว่าอย่างชัดเจน ซึ่งหากไม่ถอดใจจากการตามหลัง ลิเวอร์พูล ห่าง 9 แต้มซะก่อน ทีมไก่เดือยทองยังคงเป็นทีมที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่งทุกทีมต่อไปเหมือนเดิมแน่นอน

สำหรับบิ๊กแมตช์ที่ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันอาทิตย์มีหลายประเด็นที่น่าถูกพูดถึง และนี่คือ 5 เรื่องสำคัญที่เราคัดมาว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจที่สุดของเกม…

 

1. แรชฟอร์ด ฮอตไม่หยุด

มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งเป็นคนทำประตูเดียวของเกมนี้ ทำสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 3 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรก

แถมประตูชัยที่ยิงดับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถึงถิ่น ทำให้เจ้าตัวยิงทีมในกลุ่ม “บิ๊กซิกซ์” ครบทุกทีมแล้วด้วย ตั้งแต่เริ่มค้าแข้งให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดใหญ่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2016

นับตั้งแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เข้ามาเป็นกุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด เขากลายเป็นกองหน้าตัวเลือกแรกของทีมเต็มตัว เมื่อได้ลงตัวจริง 5 นัดติดต่อกันในลีก และยิงไปแล้วถึง 4 ประตู

มีโอกาสสูงที่ซีซั่นนี้ หัวหอกทีมชาติอังกฤษวัย 21 ปี จะทำลายสถิติของตัวเอง ในการยิงประตูให้ผีแดงรวมทุกรายการมากที่สุดในฤดูกาลเดียว และยิงถึงหลัก 10 ประตูในลีกเป็นครั้งแรก เมื่อฤดูกาลนี้เขายิงไปแล้ว 8 ประตู รวมทุกรายการ และเป็น 7 ประตูในลีก ซึ่งสถิติที่ดีที่สุดของเขา คือการยิงได้ 13 ประตู รวมทุกถ้วย และ 7 ประตู ในพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

 

2. เด เคอา เหนือมนุษย์!!

แม้ผู้ทำประตูชัยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่คนที่ได้รับการโหวตให้คว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมอย่างเป็นเอกฉันท์ คือ ดาบิด เด เคอา เพราะหากไม่ได้เขาแล้ว สเปอร์ส น่าจะชนะผีแดงแบบขาดลอยด้วยซ้ำ

นายด่านทีมชาติสเปนโชว์ฟอร์มเซฟเหนือมนุษย์ ช่วยทีมปีศาจแดงถึง 11 ครั้ง ทั้งที่ในครึ่งแรก สเปอร์ส ยิงไม่ตรงกรอบแม้แต่หนเดียว

แม้ว่าจากโอกาสยิงตรงกรอบทั้งหมดของ สเปอร์ส จะเป็นการซัดไปตรงตัวของ เด เคอา ซะเองหลายลูก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชอตที่จอมหนึบผีแดง พุ่งปัดลูกโหม่งของ เดเล่ อัลลี่, การบินคว้าลูกฟรีคิกของ แฮร์รี่ เคน แบบไม่กระฉอก หรือการใช้เท้าเซฟลูกยิงจ่อๆ ของ โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์ คือการป้องกันระดับโลกอย่างแท้จริง

สถิติการเซฟถึง 11 ครั้ง ในเกมนี้ของ เด เคอา ถือเป็นสถิติเซฟมากที่สุดในเกมเดียวของผู้รักษาประตูลีกสูงสุดอังกฤษในฤดูกาลนี้ หลังจากเมื่อเดือนธันวาคม 2017 เขาโชว์ฟอร์มเซฟถึง 14 ครั้ง นัดบุกชนะ อาร์เซน่อล 3-1 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกมาแล้ว

 

3. ไก่งานเข้า!! “ซิสโซโก้-เคน”​ เจ็บทั้งคู่

เกมนี้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องเจอปัญหานักเตะกำลังสำคัญบาดเจ็บระหว่างเกมถึง 2 คน โดย มุสซ่า ซิสโซโก้ กองกลางชาวฝรั่งเศสบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องให้ เอริค ลาเมล่า ลงแทนตั้งแต่ครึ่งแรก ซึ่งการขาดตัวคุมจังหวะเกมอย่าง ซิสโซโก้ กะทันหัน กลายเป็นการเปิดช่องให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีพื้นที่โจมตีเร็ว จนขึ้นนำ 1-0 จาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ด้วย

เท่านั้นไม่พอ ช่วงก่อนจะหมดเวลา แฮร์รี่ เคน โดน ฟิล โจนส์ เข้าปะทะหนักจนลงไปนอนกุมข้อเท้า ทว่าจังหวะดังกล่าวผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน กลับไม่เห็นเหตุการณ์ ซึ่ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ออกมาเผยหลังเกมเองว่า เขากังวลมากๆ ว่าอาการของดาวยิงตัวเก่งอาจจะหนักกว่าที่คิด

เคน จะต้องเข้ารับการสแกนข้อเท้า เพื่อดูอาการว่าหนักหนาแค่ไหน ซึ่งถ้าหากหัวหอกกัปตันทีมชาติอังกฤษต้องร้างสนามไปนาน คงบอกได้เลยว่า ไก่เดือยทองมีโอกาสเป๋ยาว เพราะต้องไม่ลืมว่า ซน ฮึง-มิน กองหน้าคนสำคัญอีกคน จะต้องบินไปช่วยทีมชาติเกาหลีใต้ในศึก เอเชียน คัพ 2019 และจะไม่กลับมาช่วยทีมจนกว่าจะถึงเดือนกุมภาพันธ์

 

4. สเปอร์ส หมดลุ้นแชมป์ลีกหรือยัง?

จากการที่จ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล บุกชนะ ไบรท์ตัน 1-0 ได้ในคืนวันเสาร์ ความพ่ายแพ้ของ สเปอร์ส ในเกมนี้ จึงหมายถึงการต้องตามหลังจ่าฝูงเพิ่มเป็น 9 แต้ม โดยที่โปรแกรมพรีเมียร์ลีกผ่านไปแล้ว 22 นัด

โปรแกรมต่อจากนี้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต้องเจอทีมใหญ่อีกถึง 4 นัด โดยมีถึง 3 นัดที่ต้องออกไปเยือน คือการเจอกับ เชลซี, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แถมต้องพบทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นทั้ง ฟูแล่ม, ฮัดเดอร์สฟิลด์, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ เซาธ์แฮมป์ตัน อีกต่างหาก

ต้องไม่ลืมอีกว่า สเปอร์ส ยังมีงานหนักในถ้วยอื่นๆ ด้วย พวกเขายังต้องเจอกับ เชลซี ในเกมรอบรองชนะเลิศ ลีก คัพ ซึ่งถ้าผ่านเข้าชิงได้ก็ต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่ในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็เจอด่านหินอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมจ่าฝูงบุนเดสลีกา

นอกจากตำแหน่งแชมป์ที่ลุ้นยากแล้ว การที่โดน เชลซี ไล่จี้มาเหลือแค่แต้มเดียว และนำหน้า อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือแค่ 7 แต้ม ทำให้คลับไก่มีโอกาสหลุดจากอันดับท็อปโฟร์เช่นกัน ถ้าเกิดหลุดฟอร์มไปดื้อๆ ในช่วงต่อจากนี้

 

5. ผีแดงจะตั้ง “โซลชาร์”​ คุมถาวรหรือไม่?

ก่อนเกมนี้ แม้ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จะสามารถพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะได้ 5 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่โปรแกรมหนักสักเท่าไร

จนกระทั่งล่าสุด ที่บุกชนะหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้ถึงถิ่น ทำให้ตอนนี้คำถามที่ว่า “โซลชาร์ เจ๋งจริงไหม?” เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ และเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นว่านอกจากจะเก่งในการเปิดเกมรุกใส่ทีมเล็กๆ แล้ว เขาก็สามารถทำให้ทีมเล่นแบบรัดกุม เพื่อประคองผลการแข่งขันนัดสำคัญได้เหมือนกัน

โซลชาร์ กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ทการคุมทีมปีศาจแดง ด้วยการชนะ 6 นัดติดต่อกัน รวมทุกรายการ 

ซึ่งหากสัปดาห์หน้า เขายังพาทีมเปิดบ้านชนะ ไบรท์ตัน ได้อีก กุนซือชาวนอร์วีเจี้ยนรายนี้ จะเป็นโค้ชเพียงคนเดียวของผีแดงด้วย ที่ประเดิมการคุมทีมด้วยการชนะ 6 นัดซ้อนในลีกสูงสุด

สถานการณ์ทุกอย่างในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตั้งแต่ได้ โซลชาร์ เข้ามาคุมทีมรักษาการล้วนเป็นไปในทางที่ดีขึ้น นอกจากผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมแล้ว แฟนบอลก็กลับมาสนุกกับการดูบอลอีกครั้ง ส่วนนักเตะก็กลับมาทำผลงานได้ดีกันทุกตำแหน่ง และมีความมุ่งมั่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ด้วยช่องว่างที่ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามหลังอันดับ 4 เพียง 6 แต้ม ถือว่ายังมีโอกาสทำอันดับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แถมยังได้ลุ้นในถ้วย เอฟเอ คัพ รวมถึงมีความมั่นใจมากขึ้นก่อนเจอ เปแอสเช ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้าจะบอกว่า โซลชาร์ นี่แหละคือ “กุนซือที่ใช่” ของผีแดง ก็อาจไม่ใช่คำกล่าวเกินไปก็ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชัยชนะเกมนี้ คือการเอาชนะ เมาริซิโอ​​ โปเช็ตติโน่ กุนซือที่เป็นแคนดิเดตสำคัญในการคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการในฤดูกาลหน้าซะด้วย ยิ่งทำให้เครดิตของ โซลชาร์ มากขึ้นหลายเท่า

ซึ่งแม้เขาจะยังมีสัญญากับ โมลด์ ต้นสังกัดในนอร์เวย์อยู่ แต่เชื่อว่าถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเอาจริงในการดึงมาคุมยาวๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด