โซลชาร์เจอของจริง!! ส่อง 5 ประเด็นน่าจับตา ไก่เดือยทองบู๊ผีแดง คืนนี้

โซลชาร์เจอของจริง!! ส่อง 5 ประเด็นน่าจับตา ไก่เดือยทองบู๊ผีแดง คืนนี้
โซลชาร์เจอของจริง!! ส่อง 5 ประเด็นน่าจับตา ไก่เดือยทองบู๊ผีแดง คืนนี้

5 ประเด็นน่าจับตามอง ก่อนเกมบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เกมคู่เอกของพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ คงหนีไม่พ้นบิ๊กแมตช์ที่ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม เมื่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมอันดับ 3 ของตาราง พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งตอนนี้ทั้ง 2 ทีมต่างอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงกันทั้งคู่

สเปอร์ส มีโอกาสแซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 ชั่วคราว หากเก็บชัยชนะในเกมนี้ได้ ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด หากคว้า 3 คะแนนสำคัญในนัดนี้ ก็จะทำคะแนนเท่ากับ อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 5 ซึ่งหากผีแดงชนะด้วยผลต่างเกิน 3 ประตู ก็จะแซงทีมปืนใหญ่ได้ด้วย

เชื่อว่าคอบอลลีกสูงสุดอังกฤษ ต้องรอติดตามชมเกมคู่นี้แน่ และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าติดตาม ว่าจะเกิดขึ้นในเกมคู่นี้หรือไม่!!

 

1. “พอช” ลุ้นเป็นกุนซือไก่คนแรก ชนะผีแดงไปกลับในพรีเมียร์

ช่วงต้นฤดูกาล สเปอร์ส ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ สามารถบุกถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 3-0

ซึ่งหากคืนนี้ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์พาทีมเอาชนะผีแดงได้อีก จะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่ไก่เดือยทองเก็บ 6 แต้มเต็มจาก แมนฯ ยูไนเต็ด

ครั้งสุดท้ายที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งไปและกลับ ต้องย้อนไปไกลถึงฤดูกาล 1989-90 ซึ่งเป็นสมัยที่ลีกสูงสุดอังกฤษยังเป็น ดิวิชั่น 1 เดิมเลยทีเดียว

นอกจากนั้นแล้ว หากไก่เดือยทองคว้า 3 แต้มได้สำเร็จ พวกเขาจะเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกด้วย ที่เปิดบ้านชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ 4 ฤดูกาลติดต่อกัน

 

2. “โซลชาร์” ลุ้นเป็นกุนซือคนแรก ประเดิมคุมผี เฮ 6 นัดรวด

โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมขัดตาทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อเดือนที่แล้ว เพิ่งทำสถิติเทียบเท่า เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ ตำนานกุนซือผีแดง ด้วยการออกสตาร์ทการคุมทีมด้วยชัยชนะ 5 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ ซึ่งทุกนัดชนะด้วยผลต่างไม่ต่ำกว่า 2 ลูกซะด้วย

อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์ทีมปีศาจแดง ยังไม่เคยมีกุนซือคนไหนที่เริ่มต้นการทำงานในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยการพาทีมชนะ 6 นัดรวดมาก่อนเลย เพราะสมัย เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ คุมทีมอย่างเป็นทางการในฤดูกาล 1946-47 เขาพาทีมชนะ 5 เกมแรก แต่นัดที่ 6 สะดุดเสมอกับ เชลซี 1-1

อย่างไรก็ตาม 5 เกมที่ผ่านมาที่ โซลชาร์ ทำหน้าที่กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด เขายังไม่เจองานหนักเท่าไรนัก ซึ่งการบุกเยือน สเปอร์ส คืนนี้ ถือเป็นบทพิสูจน์ฝีมือของกุนซือชาวนอร์เวย์อย่างแท้จริง

ถ้าหากคืนนี้ โซลชาร์ พาทีมบุกคว้า 3 แต้มถึง เวมบลีย์ สเตเดี้ยม นอกจากจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สโมสรแล้ว เขาจะเป็นผู้จัดการทีมปีศาจแดงคนแรก หลังจากยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่พาทีมคว้า 3 แต้มในการบุกเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วย

 

3. “เคน” ยังฮอตอีกไหม?

แฮร์รี่ เคน ดาวยิงตัวความหวังของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม เพราะมีชื่อทำประตูให้ไก่เดือยทองมา 6 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ โดยช่วงกลางสัปดาห์ก็เพิ่งกดจุดโทษเป็นประตูชัย พาทีมดับ เชลซี 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ เลกแรก ของศึก คาราบาว คัพ

หากกองหน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษทำประตูในเกมนี้ เขาจะขึ้นนำดาวซัลโวเดี่ยวๆ ของพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ หลังจากตอนนี้ เขายิงไป 14 ประตูเท่ากับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง

นอกจากนั้นแล้ว เคน ยังลุ้นทำสถิติยิงในพรีเมียร์ลีก 5 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกด้วย หลังจากซัดได้ตลอด 4 เกมหลังสุด เทียบเท่ากับที่เคยทำได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2015 และ พฤศจิกายน 2015 รวมถึงลุ้นทำสถิติยิง 7 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการให้ สเปอร์ส เป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน
4. “แรชฟอร์ด” ลุ้นซัดในลีก 3 เกมติดครั้งแรก

มาร์คัส แรชฟอร์ด กำลังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม ยิงไปถึง 3 ประตู ทำอีก 1 แอสซิสต์ ใน 4 เกมลีกที่ลงเล่นภายใต้การคุมทีมของ โซลชาร์ 

โดย 2 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่ม บอร์นมัธ 4-1 และบุกชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0 ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษต่างยิงได้ทั้ง 2 เกม ซึ่งถ้าคืนนี้เขายิงได้อีก จะเป็นการทำประตูในลีก 3 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ในปี 2016

5. ฤดูกาลนี้ ไก่เดือยทองยังไม่เสมอในลีก

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ที่ยังไม่เคยเสมอแม้แต่นัดเดียว ซึ่งหากคืนนี้มีผลแพ้ชนะเกิดขึ้น ก็จะมีสถิติใหม่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกทันที อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้น

โอกาสที่เกมคู่นี้มีผลแพ้ชนะถือว่ามีสูงมากพอสมควร เพราะทั้ง 2 ทีมในเวลานี้ ต่างเน้นเกมรุกกันทั้งคู่ ทว่าแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้นัก หลังจากโดนยิงไปแล้วถึง 32 ประตู มากกว่าทีมในโซนตกชั้นอย่าง นิวคาสเซิ่ล เสียอีก

เกมนี้จึงน่าจะตัดสินกันที่ว่าใครจะเฉียบคมกว่ากัน และไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาหน้าไหน ก็จะยิ่งทำให้พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ น่าติดตามมากยิ่งขึ้นแน่นอน