Fact หลังเกม : 5 ปัจจัย ทำให้เกมผีบู๊บาร์ซ่า สกอร์ออกมาแค่ 0-1

Fact หลังเกม : 5 ปัจจัย ทำให้เกมผีบู๊บาร์ซ่า สกอร์ออกมาแค่ 0-1
Fact หลังเกม : 5 ปัจจัย ทำให้เกมผีบู๊บาร์ซ่า สกอร์ออกมาแค่ 0-1

5 ปัจจัย ที่ทำให้เกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ บาร์เซโลน่า เป็นทีมเยือนที่ชนะหืดจับ 1-0

เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คู่หยุดโลกระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ บาร์เซโลน่า เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่เป็นที่พอใจสำหรับแฟนบอลของทั้งสองฝั่งเท่าไรนัก

แฟนทีมปีศาจแดง ต้องชอกช้ำที่เห็นทีมรักพบกับความพ่ายแพ้คาบ้าน ทั้งที่พยายามสู้เต็มที่แล้ว

ขณะที่แฟนบาร์ซ่า ก็มีบ่นเล็กน้อย ว่าทีมไม่ได้เล่นกันด้วยฟอร์มที่ดีที่สุด เพราะนอกจากประตูชัยจากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ โหม่งไปโดนขา ลุค ชอว์ เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองในครึ่งแรกแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้กดดันเจ้าถิ่นได้มากเท่าที่ควร

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นัดล่าสุดนี้ มีประตูเกิดขึ้นให้เห็นแค่ลูกเดียว มี 5 ปัจจัยหลักๆ ด้วยกัน…

 

1. แท็กติกของทั้ง 2 ทีม

เกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ วางหมากแบบผิดคาดพอสมควร โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้ระบบ 5-3-2 เน้นการปิดพื้นที่ให้แน่นหนา เพื่อลดความอันตรายของ ลิโอเนล เมสซี่ โดยเฉพาะ

ลุค ชอว์ ถูกหุบเข้าไปยืนเป็นเซนเตอร์ฝั่งซ้าย โดยให้ ดีโอโก้ ดาโลต์ ซึ่งปกติถนัดริมเส้นฝั่งขวา โยกมารับบทวิงแบ็กซ้าย

แถมกองกลางอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ด ก็เน้นคุมพื้นที่ในแดนกลาง ไม่เปิดโอกาสให้ บาร์เซโลน่า ได้เปิดเกมรุกตามถนัด

แม้จะพบกับความพ่ายแพ้ แต่ถือว่าแผนของ โซลชาร์ สามารถหยุดทีเด็ดของ เมสซี่ ได้สำเร็จ เมื่อทำให้ซูเปอร์สตาร์กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ไม่มีโอกาสลุ้นประตูจากจังหวะโอเพ่นเพลย์แม้แต่ครั้งเดียว จนต้องถอยลงไปล้วงบอลต่ำอยู่บ่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าบ้านไม่โดนกดดันมากนัก ก็เพราะ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กุนซือของบาร์ซ่า เหมือนจะพอใจกับสกอร์นำลูกเดียวเช่นกัน และเน้นวางแท็กติกครองบอล มากกว่าจะเปิดเกมเร็วเพื่อเอาประตูที่ 2

 

2. ผีแดงยิงนกตกปลา

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้จะมีเปอร์เซ็นต์ครองบอลเป็นรอง บาร์เซโลน่า มหาศาล แต่พวกเขากลับหาจังหวะลุ้นประตูได้มากกว่าทีมเยือนอย่างชัดเจน

โดยเกมนี้ ผีแดงได้โอกาสยิง 10 ครั้ง ส่วนบาร์ซ่ามีโอกาสแค่ 5 ครั้งเท่านั้น ทว่าจุดที่เป็นตัวตัดสินผลการแข่งขัน ก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงไม่เข้ากรอบแม้แต่ครั้งเดียว!!

มาร์คัส แรชฟอร์ด คือผู้เล่นที่มีโอกาสลุ้นประตูมากที่สุดของเกม (4 ครั้ง) แต่ยังขาดความเฉียบคม ไม่ว่าจะเป็นการลองยิงไกล หรือได้ซัดในกรอบเขตโทษ

มาร์ค-อันเดร แทร์​ ชเตเก้น นายด่านทีมชาติเยอรมนีจึงได้คลีนชีตจากเกมนี้ โดยไม่ต้องออกแรงเซฟ ขณะที่ ดาบิด เด เคอา ต้องเซฟช่วยเจ้าบ้านไว้ถึง 3 หน แม้ทีมอาซูลกราน่าจะไม่มีจังหวะยิงลูกยากๆ มาวัดฝีมือก็ตาม

 

3. “จารย์ยัง” เปิดอย่างกาก

นักเตะที่น่าผิดหวังที่สุดในเกมนี้ หนีไม่พ้น แอชลี่ย์ ยัง กัปตันทีมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่รับบทบาทวิงแบ็กขวาในเกมนี้

แม้จะมีความขยันวิ่งขึ้นลงเป็นเลิศ แต่สำหรับเรื่องการเปิดบอล เขาไม่อาจทำประโยชน์ใดๆ ให้ทีมได้เลย เพราะลูกครอสทั้ง 11 ครั้งของเจ้าตัวในเกมนี้ ไม่มีครั้งไหน ที่เข้าหัวหรือเท้าของเพื่อนร่วมทีม

4. “ปีเก้” ท็อปฟอร์ม

ตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ ตกเป็นของ เคราร์ด ปีเก้ ปราการหลังตัวเก๋าของ บาร์เซโลน่า ที่ได้กลับมาลงเจอทีมเก่า หลังจากอดีตเซนเตอร์แบ็กทีมชาติสเปนรายนี้ จัดการกับจังหวะอันตรายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อยู่หมัดทุกดอก

ปีเก้ ทำสถิติเคลียร์บอลในเกมนี้ถึง 9 ครั้ง มากกว่าทุกเกมที่เขาเคยลงเล่นใน UCL ฤดูกาลนี้ และยังเป็นนักเตะที่ดวลโหม่งชนะคู่แข่งมากที่สุดของทีมเยือนด้วย

ช็อตที่เข้าตากรรมการที่สุด คือการพุ่งเข้าบล็อค อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่กำลังจะหลุดไปซัดเน้นๆ ในครึ่งหลัง ซึ่งหากจังหวะนั้น เขาเข้าไปป้องกันไม่ทัน บางที บาร์เซโลน่า อาจจะโดนตีเสมอไปแล้วก็ได้

 

5. กลางผีบี้สุดทุกตัว

การขาด เนมานย่า มาติช และ อันเดร์ เอร์เรร่า ทำให้แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องกังวลกับตำแหน่งกองกลางมากที่สุด เพราะแผงมิดฟิลด์ของทีมคู่แข่ง ประกอบด้วยแข้งระดับเวิลด์คลาสทั้ง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อิวาน ราคิติช 

แถมใครๆ ก็รู้ว่า บาร์เซโลน่า คือหนึ่งในทีมที่รับส่งบอลแม่นยำที่สุดในโลก ดังนั้น ถ้าจะสร้างความลำบากให้เกมแดนกลางของพวกเขา ต้องอาศัยการทำงานหนักยิ่งกว่าปกติ

บาร์ซ่ายังคงความยอดเยี่ยมในเรื่องการผ่านบอล (ผ่านบอล 794 ครั้ง แม่นยำถึง 91%) ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จ่ายบอลน้อยกว่าเกือบเท่าตัว (409 ครั้ง) และมีเปอร์เซ็นต์เข้าเป้าแค่ 80% เท่านั้น

แต่กุญแจสำคัญที่ทำให้การผ่านบอลของ บาร์เซโลน่า เข้าไปในพื้นที่สุดท้ายได้น้อย คือกองกลางตัวผึ้งงานที่ได้โอกาสออกสตาร์ทเกมนี้อย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ด โดย 2 คนนี้ทำสถิติ “วิ่งเยอะที่สุดของเกม” ด้วยระยะทางรวมกันถึง 11.36 กิโลเมตร เท่ากัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรายของ แม็คโทมิเนย์ ที่เกมนี้วิ่งบีบล้วงบอลคืนมาได้ถึง 5 ครั้ง และไม่ปล่อยให้นักเตะบาร์ซ่าคนใดเลี้ยงผ่านเขาไปได้ ถือว่าได้รับคำชมจากแฟนผีแดงมากกว่าใครในเกมนี้

 

ด้วยผลการแข่งขันที่ออกมาแค่ 0-1 ทำให้เกมเลกสองที่ คัมป์ นู สัปดาห์หน้า อะไรก็เกิดขึ้นได้

แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ว่าสกอร์ที่ออกมาเช่นนี้ ดูเหมือนว่า บาร์เซโลน่า จะแหย่เท้าเข้ารอบรองชนะเลิศไปข้างหนึ่งแล้ว!!

inbizth รับทำเว็บ e-commerce