เผลอแปปเดียว ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็เดินทางผ่าน 1 ใน 4 ของฤดูกาลเป็นที่เรียบร้อย หลังทุกทีมลงเตะไป 10 นัดเท่ากัน
เก็บคลีนชีตได้ 2 จาก 3 เกมที่ลงเฝ้าเสาในเดือนที่ผ่านมา โดยเสียท่าแค่นัดเดียว คือนัดออกไปพ่าย ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 2-1
กองหลัง : ฟิล โจนส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ปราการหลังทีมชาติอังกฤษ เล่นได้อย่างเหนียวแน่น ช่วยให้ทีมไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว ในช่วงเวลาที่เขายังอยู่ในสนาม
การพบทีมแกร่งทั้ง ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส เจ้าตัวทำสถิติเคลียร์บอลอันตรายรวมกันถึง 15 ครั้ง ช่วยทีมเก็บคลีนชีตทั้ง 2 นัด
แต่วันที่เขาบาดเจ็บตั้งแต่ครึ่งแรกในเกมพบ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทำให้ทีมเสียถึง 2 ประตู และแพ้เป็นครั้งแรกของฤดูกาล
กองหลัง : นาโช่ มอนเรอัล (อาร์เซน่อล)
เติมขึ้นไปทำประตูช่วยทีมได้ถึง 2 ลูก ในเดือนที่ผ่านมา ในวันเปิดบ้านอัด ไบรท์ตัน 2-0 และบุกถล่ม เอฟเวอร์ตัน 5-2
ถึงตอนนี้ ดาวเตะสแปนิชเป็นนักเตะเพียง 1 ใน 3 ของทีมปืนใหญ่ ที่ลงตัวจริงทุกนัด โดยไม่เคยเปลี่ยนออก ร่วมกับ ปีเตอร์ เช็ก และ เอคตอร์ เบเยริน
โดย มอนเรอัล ยังครองสถิติผู้เล่นที่ตัดบอลมากที่สุดจาก 10 นัดแรกซีซั่นนี้ด้วย (27 ครั้ง)
กองหลัง : เซอัด โคลาซินัช (อาร์เซน่อล)
ได้โอกาสลงตัวจริงครบทั้ง 4 นัดในพรีเมียร์ลีกเดือนทีี่ผ่านมา ในตำแหน่งวิงแบ็กซ้าย พาทีมเก็บชัยไปถึง 3 เกม
ก่อนที่ดาวเตะทีมชาติบอสเนียฯ จะมาโชว์ฟอร์มสุดเด่นในเกมล่าสุด ยิง 1 จ่าย 1 พาทีมเปิดบ้านเฉือน สวอนซี ซิตี้ 2-1
ปีกขวา : ริยาด มาห์เรซ (เลสเตอร์ ซิตี้)
ดาวเตะแอลจีเรีย เป็นคนซัดตีเสมอ เวสต์บรอมวิช ในช่วงท้ายเกมเป็น 1-1 ก่อนจะทำแอสซิสต์อีก 2 เกมซ้อน ให้ทีมจิ้งจอกชนะทั้ง สวอนซี และ เอฟเวอร์ตัน จนขึ้นมาอยู่ครึ่งบนของตาราง
นี่ถือเป็นฟอร์มที่พัฒนาขึ้นมาอย่างชัดเจน เพราะในเดือนกันยายน มาห์เรซ ไม่มีส่วนกับการทำประตูเลยแม้แต่ลูกเดียว
กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
โชว์การจ่ายบอลคิลเลอร์พาสระดับโลก กลายเป็น 2 แอสซิสต์ในเกมถล่ม สโต๊ค ซิตี้ 7-2 และยังจ่ายให้ ลีรอย ซาเน่ ยิงฝัง เบิร์นลี่ย์ 3-0 ได้อีก 1 ประตู
เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม จึงก้าวขึ้นมาเป็นจอมแอสซิสต์อันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ร่วมกับ ดาบิด ซิลบา เรียบร้อยแล้ว (6 ลูกเท่ากัน)
กองกลาง : แฟร์นันดินโญ่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
กองกลางตัวปิดทองหลังพระของทีมเรือใบสีฟ้า ยิงประตูแรกในฤดูกาลนี้ได้ในเดือนตุลาคม แถมยังทำได้ถึง 2 ประตูซะด้วย
โดยในเกมล่าสุด ที่บุกเฉือน เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-3 เขาได้ตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากผลงาน ยิง 1 แอสซิสต์ 1 ทำให้ทีมยังนำห่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5 คะแนนต่อไป
ปีกซ้าย : ลีรอย ซาเน่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ปีกตัวจี๊ดทีมชาติเยอรมนี คือผู้เล่นที่เด่นที่สุดในเดือนที่ผ่านมาอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อทำผลงาน ยิง 1 แอสซิสต์ 1 ได้ทั้ง 3 นัดหลังสุดในลีก
ซาเน่ มีส่วนกับประตูในพรีเมียร์ลีกของ 10 นัดฤดูกาลนี้ถึง 11 ลูก (ยิง 6 จ่าย 5) โดยมากกว่าผลงานที่ทำได้ในลีกตลอดซีซั่นที่แล้วซะอีก (ยิง 5 จ่าย 3)
จอมทัพ : ปาสคาล กรอสส์ (ไบรท์ตัน)
กองกลางตัวรุกชาวเยอรมันของทีมน้องใหม่ ทำแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกมา 3 นัดติดต่อกัน และทำให้ ไบรท์ตัน ไร้พ่ายใน 3 เกมหลังสุดด้วย
ตอนนี้ กรอสส์ มีสถิติแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกไปแล้วถึง 5 ลูก เป็นรองแค่ เควิน เดอ บรอยน์ กับ ดาบิด ซิลบา ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียง 2 คนเท่านั้น
กองหน้าขวา : ราฮีม สเตอร์ลิง (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
แม้จะได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีก เดือนตุลาคมแค่เพียง 2 นัด (ตัวจริง 1 สำรอง 1) แต่ผลงานยิง 2 แอสซิสต์ 2 ก็ทำให้ปีกทีมชาติอังกฤษ โดดเด่นพอที่จะติดทีมชุดนี้
ตอนนี้ สเตอร์ลิง ยังนำดาวซัลโวของทีมเรือใบสีฟ้าอีกด้วย จากผลงานยิงไปแล้ว 10 ประตู รวมทุกรายการ
กองหน้าซ้าย : เอแด็น อาซาร์ (เชลซี)
กัปตันทีมชาติเบลเยียม ฟิตสมบูรณ์กลับมาลงตัวจริงในลีกครบทุกนัดในเดือนที่ผ่านมา และถือว่าฟอร์มการเล่นกำลังร้อนแรงทีเดียว
อาซาร์ ทำ 1 แอสซิสต์ เกมเปิดบ้านชนะ วัตฟอร์ด 4-2 ก่อนยิงประตูชัยให้ทีมบุกอัด บอร์นมัธ 1-0
ทั้ง 2 นัดดังกล่าว เจ้าตัวยังเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในเกมรุกของทีมแชมป์เก่า จนคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ทั้ง 2 เกมอีกด้วย
ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
น่าจะคว้ารางวัลกุนซือยอดเยี่ยมเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ได้แบบไม่มีปัญหา เพราะเป็นอีกเดือนที่เขาพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะทุกนัดในพรีเมียร์ลีก
จากผลงานเดือนที่ผ่านมา ที่กวาด 9 คะแนนเต็ม ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด สะดุดเสมอ 1 แพ้ 1 ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าการันตีตำแหน่งจ่าฝูงจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นอย่างน้อย หลังนำห่างผีแดง 5 คะแนน