Fact หลังเกม : 5 จุดเห็นชัดจากเกม “มาดริดดาร์บี้” ราชันบุกตบหมี 3-1

Fact หลังเกม : 5 จุดเห็นชัดจากเกม
Fact หลังเกม : 5 จุดเห็นชัดจากเกม "มาดริดดาร์บี้" ราชันบุกตบหมี 3-1

5 จุดที่เห็นชัดเจน จากเกม “มาดริด ดาร์บี้” ที่ เรอัล มาดริด บุกชนะ แอตเลติโก มาดริด 3-1

เรอัล มาดริด กลับมาสู่เส้นทางของการลุ้นแชมป์ ลา ลีกา สเปน ฤดูกาลนี้ได้อีกครั้ง หลังจากคว้าชัยชนะนัดสำคัญ ด้วยการบุกอัด แอตเลติโก มาดริด 3-1 ในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองหลวง เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทีมราชันชุดขาวแซงหน้าทีมตราหมี กลับขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และตามหลัง บาร์เซโลน่า เหลือ 5 แต้ม โดยบาร์ซ่าแข่งน้อยกว่า 1 นัด ซึ่งจากสถานการณ์ตอนนี้ น่าจะทำให้เกมลีกนัด “เอล กลาซิโก้” ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว คืนวันที่ 2 มีนาคมนี้ ยิ่งน่าติดตามกว่าเดิมแน่

สำหรับเกมบิ๊กแมตช์ที่ ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ นัดล่าสุด มีประเด็นน่าสนใจมากมาย และนี่คือ 5 จุดที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนจากเกมนัดนี้

 

1. ตราหมีเป๋ยาวซะแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน แอตเลติโก มาดริด มีโอกาสดีที่จะกดดันจ่าฝูง บาร์เซโลน่า ให้มากกว่านี้ ด้วยการลดช่องว่างที่ตามหลังให้เหลือแค่ 3 แต้ม เมื่อ บาร์ซ่า พลาดทำได้แค่เสมอ บาเลนเซีย 1-1

แต่ทว่าทีมตราหมีกลับไม่อาจฉวยโอกาสทองไว้ได้ เมื่อดันออกไปพ่าย เรอัล เบติส 1-0 ทำให้ต้องตามหลังทีมแชมป์เก่า 6 แต้ม และเมื่อมาแพ้ให้ทีมคู่ปรับร่วมเมืองคาบ้านอีกในเกมล่าสุด นอกจากจะทำให้ช่องว่างไม่ลดลงไปแล้ว ยังต้องร่วงลงสู่อันดับ 3 และมีโอกาสโดนจ่าฝูงทิ้งห่างเป็น 9 แต้มอีกต่างหาก

นี่คือนัดแรกในฤดูกาลนี้ ที่ แอตเลติโก มาดริด พ่ายแพ้คาบ้านตัวเอง และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2016 ที่พวกเขาแพ้ในลีก 2 นัดติดต่อกัน

นอกจากนี้ หากเจาะลึกลงไปถึงรายละเอียดจากเกมล่าสุด ทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เสียประตูในบ้านตัวเองตั้งแต่ยังไม่พ้นนาทีที่ 16 เป็นครั้งแรก และการที่เสียประตูในครึ่งแรกถึง 2 ลูก ก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่เปลี่ยนรังเหย้าจาก บิเซนเต้ กัลเดร่อน มาเป็น ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ ด้วย

 

2. “วินิซิอุส จูเนียร์” กลายเป็นตัวหลักราชันเต็มตัว

จากที่ช่วงต้นฤดูกาล วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกดาวรุ่งบราซิเลียนวัยเพียง 18 ปีต้องไปเล่นให้ทีมสำรอง แต่ว่า 11 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ เขาได้โอกาสจาก ซานติอาโก้ โซลารี่ ให้ลงตัวจริงในแนวรุกทุกนัด

ที่น่าสนใจก็คือ 2 เกมหลังสุด ที่ต้องไปเยือน บาร์เซโลน่า ในศึก โกปา เดล เรย์ ตามด้วยเกมบุกชนะ แอตเลติโก มาดริด ในลีกนัดล่าสุด วินิซิอุส จูเนียร์ ได้โอกาสออกสตาร์ททั้งสองเกม ก่อนตัวหลักหน้าเก่าทั้ง แกเร็ธ เบล และ มาร์โก อาเซนซีโอ เสียอีก

ชัยชนะเหนือทีมตราหมี ถือว่าดาวเตะวัยทีนเอจมีส่วนสำคัญไม่น้อย เพราะเป็นคนเรียกจุดโทษให้ เซร์คิโอ รามอส กดประตูขึ้นนำ 2-1 ก่อนหมดครึ่งแรก และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ เรอัล มาดริด เล่นได้แบบคุมสถานการณ์ไว้ได้เมื่อเริ่มครึ่งหลัง

 

3. “รามอส” คือจอมแม่นเป้าของจริง

เซร์คิโอ รามอส ยังคงรักษาสถิติ ไม่เคยยิงจุดโทษพลาดใน ลา ลีกา หลังดึงจังหวะหลอก ยาน โอบลัค แล้ววิ่งเข้าสังหารลูกนิ่งเสียบเสาอย่างเด็ดขาด ทำให้ เรอัล มาดริด นำ 2-1 ก่อนจบครึ่งแรกเมื่อคืนนี้

จากจุดโทษลูกล่าสุด ทำให้ปราการหลังกัปตันทีมราชันชุดขาว ยิงประตูได้ถึง 11 ลูกรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ ถือเป็นการยิงใน 1 ฤดูกาลมากที่สุด ทำลายสถิติเดิมที่เคยยิงรวมทุกถ้วย 10 ประตู เมื่อฤดูกาล 2016-17 ได้สำเร็จ

และหากนับตั้งแต่เจ้าตัวได้รับหน้าที่มือหนึ่งในการยิงเป้าแทนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส เขาได้โอกาสยิงจุดโทษให้ต้นสังกัดทั้งหมด 8 ครั้ง ซึ่งก็ยิงเข้าทั้ง 8 ครั้งรวด

 

4. “โมราต้า” เท้าบอดตลอดศก

อัลบาโร่ โมราต้า เกือบจะมีชื่อทำประตูให้ แอตเลติโก มาดริด เป็นครั้งแรกอยู่แล้วเชียว เมื่อหลุดเดี่ยวไปกระดกบอลข้าม ติโบต์ กูร์กตัวส์ ตุงตาข่ายได้แล้วในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ถูกปฏิเสธเพราะถูก VAR จับได้ว่าล้ำหน้าเสียก่อน

นอกจากจังหวะดังกล่าว หัวหอกรูปหล่อที่ทีมตราหมียืมตัวจากเชลซีก็แทบไม่มีบทบาทใดๆ กับเกมอีก และต้องโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามให้ นิโกล่า คาลินิช ลงแทนในนาทีที่ 71

จากการที่ โมราต้า ยังไร้สกอร์ในเกมนี้ ทำให้เขายิงประตูในลีกไม่ได้เป็นนัดที่ 8 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว แบ่งเป็น 6 นัดสุดท้ายในพรีเมียร์ลีกกับ เชลซี และอีก 2 เกมล่าสุดใน ลา ลีกา กับ แอต.มาดริด

และถ้าหากสัปดาห์หน้า ดีเอโก้ คอสต้า ฟิตกลับมาทวงตำแหน่งหัวหอกตัวจริง โอกาสที่ดาวเตะวัย 26 จะยังคลำเป้าไม่เจอ ก็จะยิ่งมีสูงขึ้นไปอีก

 

5. “โซลารี่” คือเจ้าพ่อ มาดริด ดาร์บี้

 

นี่คือเกม “มาดริด ดาร์บี้” นัดแรกในอาชีพการคุมทีมของ 

ซานติอาโก้ โซลารี่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ของ เรอัล มาดริด และเขาก็พาทีมบุกคว้าชัยเหนือทีมตราหมีได้อย่างสวยงาม

สมัยที่ โซลารี่ เป็นนักเตะ เขาเคยค้าแข้งให้กับทั้งทีมตราหมี และทีมราชันชุดขาว แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่กับทีมไหน และบทบาทใด ก็ยังไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้ในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองหลวงสเปนเลย

ตอนที่เล่นให้กับ แอตเลติโก มาดริด เจ้าตัวลงเจอกับ เรอัล มาดริด 3 นัด ชนะไป 2 นัด และเสมออีก 1 เกม โดยที่ยิงใส่ทีมราชันได้ 1 ประตู

ส่วนตอนที่ไปเล่นให้ทีมแชมป์ยุโรป 13 สมัย เขาพาทีมชนะตราหมีทั้ง 4 นัด ก่อนจะมาทำได้อีกในบทบาทเฮดโค้ชของทีม

 

ถึงตอนนี้ เรอัล มาดริด ไม่แพ้ใครมา 7 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการเข้าไปแล้ว และยังคงมีลุ้นแชมป์ถ้วยอื่นด้วย ทั้งใน โกปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์​ ลีก

แถมการที่ ซานติอาโก้ โซลารี่ เริ่มดันผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นตัวหลักเรื่อยๆ ต้องบอกว่าทีมราชันชุดขาวมีอนาคตที่น่าจับตามองอีกยาวไกลเลยทีเดียว…