ไอ้นี่มีของ : ชัยวัฒน์ บุราณ “ตัวจี๊ดฝั่งซ้าย ที่ต้องจับตามอง”

เส้นทางนักบอลของจริง!!

ชัยวัฒน์ เริ่มต้นเข้าสู่อะคาเดมี่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตั้งแต่ม.ปลาย จากการย้ายไปเรียนที่ โพธินิมิตรวิทยาคม รุ่นราวคราวเดียวกับ สุริยา สิงห์มุ้ย, สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ และพิธิวัต สุขจิตธรรมกุล และเป็นหนึ่งในชุดแชมป์โค้กคัพ รวมทั้งแข้งที่มีโอกาสไปฝึกกับ แอตเลติโก มาดริด 4 เดือน

กระทั่งจบม. 6 เจ้าบอลเข้าสู่ลีกอาชีพครั้งแรกกับทีม นครนายก เอฟซี ก่อนจะย้ายไปอยู่พัทยา ยูไนเต็ด ในปี 2015 และเป็นส่วนหนึ่งในการพาทีมเลื่อนชั้นสู่ไทยลีกอีกครั้ง

ก่อนที่จะยืมตัวไปมา เมืองทอง-พัทยา จนเลกสองของไทยลีก 2017 ชัยวัฒน์ ก็เพิ่งย้ายเข้าสู่ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อย

ลูกนิ่งน่ากลัวตามรอยไอดอล

ชัยวัฒน์ สามารถเล่นได้ทั้งแบ็ก และปีกฝั่งซ้าย ที่มีความคล่องแคล่วว่องไวอย่างมาก พร้อมทั้งมีลูกตั้งเตะที่อันตรายทีเดียว เพราะ 6 แอสซิสต์ที่เขาทำได้ในปีนี้มาจากเซตพีซถึง 3 ลูกด้วยกัน

นอกจากนี้ เจ้าบอล ยังมีการครอสบอลที่หวังผลได้อยู่เสมอ จากพื้นฐานการเริ่มเล่นด้วยการเป็นแบ็กมาก่อน และไอดอลของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นคือ ธีราทร บุญมาทัน นั่นเอง

สถิติชี้เป็นปีกเบอร์ต้นๆ ของทีมชาติไทย

ในบรรดาปีกทีมชาติไทยชุดล่าสุด ชัยวัฒน์  มีผลงานเหนือกว่าเกือบทุกคน จะเป็นรองแค่ นูรูล ศรียานเก็ม คนเดียวเท่านั้นที่มีส่วนร่วมกับประตูมากกว่า

แต่เมื่อลองดูจากศักยภาพของทีมพัทยา ยูไนเต็ดต้นสังกัดของเจ้าตัวในเลกแรกแล้วถือว่า เจ้าบอล ดูจะเป็นต่ออยู่เล็กน้อยก็ว่าได้

ซึ่งล่าสุดกับการลงสนามให้ต้นสังกัดใหม่เพียง 2 เกมก็จัดไปแล้ว 2 แอสซิสต์ จากผลงานโดยรวมแล้วก็คงไม่แปลกอะไรที่ชื่อของ ชัยวัฒน์ จะมีลุ้นกลับมาติดทัพช้างศึกอีกครั้ง

โหดสุดใน U-21 ก็ว่าได้!!

หากดูตำแหน่งปีกในวัยเดียวกันแล้วจะบอกว่าตอนนี้ เจ้าบอล โหดสุดในรุ่นก็คงจะไม่แปลกนัก เพราะเจ้าตัวมีจำนวนการลงสนาม และส่วนร่วมกับประตูมากกว่า อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ตัวรุกจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดซะอีก

ยิ่งตัวริมเส้นรายอื่นในชุดเตรียมลุยซีเกมส์ ยิ่งแล้วไปใหญ่เพราะส่วนมากแทบจะไม่ได้รับโอกาสลงสนามกันเลย ทำให้ไม่แปลกที่ชื่อของเขาจะแซงเพื่อนร่วมรุ่นทะยานขึ้นไปติดทีมชาติชุดใหญ่แล้ว

หากดูถึงตอนนี้ต้องบอกเลยว่าพัฒนาการของ ชัยวัฒน์ บุราณ ไม่หยุดเลยจริงๆ ไม่ว่าจะย้ายไปเล่นทีมไหนเขามักจะโหดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ส่วนการย้ายมา สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด “เจ้าบอล” จะพิสูจน์ตัวเองได้แค่ไหนผลงานเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบ!!