เดอ บรอยน์-เมสซี่-ซาลาห์ นำทัพ!! รวม 11 แข้งเจ๋งสุด 5 ลีกดัง ซีซั่น 2017-18

เดอ บรอยน์-เมสซี่-ซาลาห์ นำทัพ!! รวม 11 แข้งเจ๋งสุด 5 ลีกดัง ซีซั่น 2017-18
เดอ บรอยน์-เมสซี่-ซาลาห์ นำทัพ!! รวม 11 แข้งเจ๋งสุด 5 ลีกดัง ซีซั่น 2017-18

ทีมรวม 11 นักเตะที่ทำผลงานดีที่สุดใน 5 ลีกดังฤดูกาล 2017-18 จัดโดยทีมงาน Balltoro

ในที่สุด ฟุตบอลลีกดังยุโรปประจำฤดูกาล 2017-18 ก็ได้ปิดฉากลงไปอย่างสมบูรณ์แล้ว หลังจากที่ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

ส่วนทีมแชมป์ของ 5 ลีกดังประกอบด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก), บาร์เซโลน่า (ลา ลีกา), บาเยิร์น มิวนิค (บุนเดสลีกา), ยูเวนตุส (เซเรีย อา) และ เปแอสเช (ลีก เอิง) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแชมป์แบบทิ้งห่างรองจ่าฝูงแต้มขาดกระจุยกันด้วย

มีนักเตะหลายคนที่ทำผลงานตลอดซีซั่นได้ยอดเยี่ยม แต่หากนับเฉพาะผลงานในลีก ต้องบอกเลยว่า 11 คนนี้คือคนที่โดดเด่นเกินใครจริงๆ

 

ผู้รักษาประตู : ดาบิด เด เคอา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

จอมหนึบทีมชาติสเปน คว้ารางวัลถุงมือทองคำของศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไปครอง หลังจากเก็บคลีนชีตไปถึง 18 นัด โดยงัดฟอร์มซูเปอร์เซฟรวมกันถึง 115 ครั้ง ตลอดซีซั่น

ผลงานของ เด เคอา ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีแผงกองหลังไม่น่าไว้ใจเท่าไร เป็นทีมที่เสียประตูน้อยเป็นอันดับที่ 2 ของลีก (28 ประตู) รองจากแชมเปี้ยนอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงลูกเดียวเท่านั้น

แบ็กขวา : โยชัว คิมมิช (บาเยิร์น มิวนิค)

ตัวหลักของทีมชาติเยอรมนี สถาปนาตัวเองเป็นแบ็กขวาเบอร์หนึ่งของยุโรปยุคนี้อย่างเต็มตัว ด้วยการเป็นแบ็กขวาที่ แอสซิสต์มากที่สุดใน 5 ลีกดังยุโรป หลังเปิดให้เพื่อนยิงไปถึง 10 ลูก ด้วยกัน

ประสิทธิภาพการผ่านบอลของ คิมมิช อยู่ในระดับสูงมาก โดยมีเปอร์เซ็นต์ความแม่นยำสูงถึง 90.3% แถมตลอดซีซั่นยังโดนใบเหลืองในบุนเดสลีกาเพียงใบเดียว แสดงให้เห็นถึงการเล่นแบบไม่โฉ่งฉ่าง และเติมเกมรุกได้อันตรายยิ่งกว่าใครๆ

 

เซนเตอร์แบ็ก : ติอาโก้ ซิลวา (เปแอสเช)

เซนเตอร์แบ็กทีมชาติบราซิล ช่วยให้ต้นสังกัดเก็บคลีนชีตถึง 13 นัด จากทั้งหมด 25 เกม ที่เขาลงสนามใน ลีก เอิง และทำให้ฤดูกาลนี้เขาได้แชมป์ลีกสูงสุดฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 6 ซีซั่นหลังเข้าไปแล้ว

นอกจากนั้นแล้ว มาตรฐานการคุมเกมรับสุดแกร่ง ยังทำให้ ซิลวา ถูกเลือกให้เป็นเซนเตอร์แบ็กของทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ ลีก เอิง เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันอีกด้วย

เซนเตอร์แบ็ก : ดีเอโก้ โกดิน (แอตเลติโก มาดริด)

ปราการหลังตัวเก่งทีมชาติอุรุกวัย คือกำลังสำคัญที่ทำให้ แอตเลติโก มาดริด คือทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดใน 5 ลีกดังยุโรปฤดูกาลที่ผ่านมา (22 ลูก)

โกดิน ช่วยให้ทีมตราหมีไม่เสียประตูถึง 18 นัด จากการลงสนามทั้งหมด 30 นัด ใน ลา ลีกา ฤดูกาลนี้ โดยสถิติที่โดดเด่นคือการเคลียร์บอลอันตรายทิ้งถึง 137 ครั้ง และตัดบอลได้ถึง 57 หน ซึ่งถือว่าสูงติด 11 อันดับแรกของนักเตะตำแหน่งเซนเตอร์ลีกสเปนในซีซั่นนี้เลยทีเดียว

 

แบ็กซ้าย : จอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลน่า)

เป็นกองหลังที่มีส่วนกับประตูเยอะที่สุดใน ลา ลีกา ฤดูกาลนี้ (ยิง 2 จ่าย 8) แต่ผลงานในการเล่นเกมรับก็ยังสุดยอด เพราะเขาคือ นักเตะบาร์เซโลน่า ที่ตัดบอลมากที่สุด นับรวมทุกรายการ (86 ครั้ง)

แบ็กซ้ายทีมชาติสเปน ยังผ่านบอลสำเร็จถึง 2,758 ครั้ง หากนับรวมทุกถ้วยแล้ว เขาผ่านบอลเข้าเป้าเป็นรองแค่นักเตะในทีมเพียง 2 คน คือกองกลางอย่าง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ กับ อิวาน ราคิติช เท่านั้น

 

กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

เป็นผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดใน 5 ลีกดัง หลังจ่ายให้เพื่อนยิงถึง 16 ประตู ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แถมยังยิงเองไปอีก 8 ลูก จึงเป็นกองกลางที่เด่นที่สุดของยุโรปอย่างชัดเจนทีเดียว

เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม ยังเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่สร้างโอกาสได้มากกว่า 100 ครั้ง หลังทำได้ถึง 106 ครั้ง จนเป็นกำลังสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเกมบุกของทีมเรือใบสีฟ้าชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017-18

 

กองกลาง : มิราเล็ม ปานิช (ยูเวนตุส)

ฤดูกาลนี้ถือเป็นซีซั่นแรกที่กองกลางทีมชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ถูกจับไปยืนต่ำกว่าเดิมในแผงมิดฟิลด์ ทว่า ปานิช ยังแอสซิสต์ไปถึง 8 ลูก และยิงได้เท่ากับฤดูกาลที่แล้ว (5 ประตู)

ปานิช ช่วยตัดบอลให้ทีมได้ 62 ครั้ง ถือว่ามากเป็นอันดับ 6 ของนักเตะมิดฟิลด์ตัวกลางใน เซเรีย อา ฤดูกาลนี้ ขณะที่ประสิทธิภาพการผ่านบอลนั้น แม่นยำถึง 90.2% เลยทีเดียว

 

กองกลาง : ดาบิด ซิลบา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติสเปน ทำแอสซิสต์ไปถึง 11 ลูก ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ น้อยกว่าเพื่อนร่วมทีมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ กับ ลีรอย ซาเน่ เพียง 2 คนเท่านั้น

นี่ยังเป็นฤดูกาลที่ ซิลบา ยิงประตูในลีกได้มากที่สุดในรอบ 3 ปี หลังกดไป 9 ประตู ถือเป็นคีย์แมนสำคัญอีกคนหนึ่งกับแชมป์พรีเมียร์ลีกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

ตัวรุก : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

ปีกทีมชาติอียิปต์ ทำสถิติเป็นนักเตะที่ยิงได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกที่เล่นกัน 38 นัด หลังกดไปถึง 32 ประตู ในฤดูกาลนี้ คว้าทั้งตำแหน่งดาวซัลโว และรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมทุกสถาบันไปครอง

ซาลาห์ ยังทำแอสซิสต์ไปอีก 10 ลูก แถมยิงในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปถึง 10 ประตู พา ลิเวอร์พูล ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่ได้รับบาดเจ็บไหล่หลุดตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม จนไม่อาจช่วยให้ทีมรอดพ้นความพ่ายแพ้ต่อ เรอัล มาดริด 3-1 ไปแบบเจ็บปวด

 

ตัวรุก : ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)

คว้ารองเท้าทองคำฟุตบอลยุโรปฤดูกาลนี้ไปครอง หลังเป็นนักเตะที่ยิงได้มากที่สุดใน 5 ลีกดังยุโรป (34 ประตู ใน ลา ลีกา และ 45 ลูก รวมทุกรายการ) แถมยังแอสซิสต์เยอะสุดในลีกสเปน (12 ลูก) เท่ากับ หลุยส์ ซัวเรซ อีกด้วย

เมสซี่ เหมาครองสถิติทั้ง หาโอกาสยิงเยอะสุด (197 ครั้ง), เลี้ยงผ่านคู่แข่งมากที่สุด (185 ครั้ง) และสร้างโอกาสมากที่สุด (87 ครั้ง) ถือเป็นตัวรุกที่เจ๋งที่สุดประจำซีซั่นอย่างแท้จริง

 

กองหน้าตัวเป้า : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาเยิร์น มิวนิค)

คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดบุนเดสลีกาไปแบบไร้คู่แข่ง ด้วยการยิงไปถึง 29 ประตู จากการลงสนามเพียง 30 นัด 

ซึ่งถ้าหากลีกเมืองเบียร์แข่งกัน 38 นัดเหมือนลีกอื่น และดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ได้ลงสนามมากกว่านี้ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้ลุ้นรางวัลรองเท้าทองคำได้จาก ลิโอเนล เมสซี่

จากผลงานกดไป 29 ประตูในซีซั่นนี้ ทำให้ เลวานดอฟสกี้ ยิงรวมกันถึง 106 ประตูในลีก นับตั้งแต่ย้ายจาก ดอร์ทมุนด์ มาซบทีมเสือใต้เมื่อปี 2014 และน่าจับตาดูว่าซัมเมอร์นี้ เขาจะย้ายไปหาความท้าทายใหม่ในลีกอื่นได้หรือยัง

กุนซือ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

ไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่ายอดโค้ชชาวกาตาลันของทีมเรือใบสีฟ้าอีกแล้ว หลังทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์

อดีตกุนซือบาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิค ทำให้ แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นทีมแรกที่กวาดไปถึง 100 แต้ม และเป็นทีมที่เก็บชัยชนะได้มากที่สุดในลีกดังยุโรปด้วย (32 นัด) โดยยิงได้มากถึง 106 ประตู กลายเป็นสถิติสูงที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกอีกด้วย

นอกจากนี้ ระหว่างซีซั่น แมนฯ ซิตี้ ยังทำสถิติชนะติดต่อกันนานที่สุดตลอดกาลของลีกสูงสุดอังกฤษที่ 18 นัด และเชื่อว่าสถิติสุดยอดขนาดนี้ คงต้องรออีกหลายปีกว่าจะมีทีมใดทำลายลงได้เลยทีเดียว

สำหรับการคัดเลือกนักเตะมาติดทีมชุดนี้ของเรานั้น เน้นผลงานในเกมลีกเป็นหลักเท่านั้น จึงไม่มีนักเตะจากทีมแชมป์ยุโรปอย่าง เรอัล มาดริด ติดมาด้วย…