ปีนี้อาจถึงทีพวกเขา!! 10 แข้งดัง ลุ้นคว้า “บัลลงดอร์ 2018” แทน โด้-เมสซี่

นั่นหมายความว่าถ้าดาวดวงนี้ไม่มี โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ ดาวเด่นทีมชาติบราซิลคือผู้เล่นที่ถูกยกย่องว่าเจ๋งที่สุด!!

เนย์มาร์ โชว์ฟอร์มคุ้มค่าตัว 197 ล้านปอนด์ ที่มหาเศรษฐีแดนน้ำหอมจ่ายค่าฉีกสัญญาจาก บาร์เซโลน่า เมื่อทำผลงาน ยิง 17 แอสซิสต์ 12 รวมทุกรายการ ในช่วงครึ่งซีซั่นแรก

มีโอกาสสูงที่เขาจะคว้าแชมป์ 3 รายการในฝรั่งเศส เพราะไม่มีทีมไหนในประเทศจะสู้กับ เปแอสเช ได้เลยในฤดกาลนี้

แต่ตัวแปรอยู่ที่เขาจะพาต้นสังกัดประสบความสำเร็จใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้หรือไม่ และจะพาบราซิลไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลกที่รัสเซีย

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (เปแอสเช, ทีมชาติฝรั่งเศส)

ว่าที่ผู้เล่นค่าตัวแพงอันดับ 2 ของโลก (160 ล้านปอนด์) รองจาก เนย์มาร์ เพราะช่วงซัมเมอร์นี้ เขาจะย้ายจาก โมนาโก ไปอยู่กับ เปแอสเช ด้วยการเซ็นสัญญาถาวร

ในปี 2017 เอ็มบัปเป้ ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการพาทีมเก่าได้แชมป์ ลีก เอิง ทำลายสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุด ที่ยิงใน UCL รอบน็อกเอาต์ได้ 4 นัดติดต่อกัน ก่อนคว้ารางวัล โกลเด้น บอย หรือดาวรุ่งยอดเยี่ยมยุโรปไปครอง

เจ้าหนูมหัศจรรย์ที่อายุเพิ่งครบ 19 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว ติดอันดับ 7 ของชาร์ทคะแนนโหวต บัลลง ดอร์ 2017 เหนือกว่านักเตะทีมชาติฝรั่งเศสทุกคนที่ถูกเสนอชื่อเข้าลุ้นรางวัล

ถ้าหากเขาพา เปแอสเช ผงาดยิ่งใหญ่บนเวทียุโรป และทำให้ทีมตราไก่ได้ชูถ้วยฟุตบอลโลก ก็เตรียมขึ้นเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้ารางวัลได้เลย

โจชัว คิมมิช (บาเยิร์น มิวนิค, ทีมชาติเยอรมนี)

ดาวเตะวัย 22 ปีคือผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของทัพอินทรีเหล็ก ณ ปัจจุบัน หลักฐานคือการเป็น นักเตะคนเดียวของทีม ที่ลงสนามเต็มเกมทุกนัด ในศึกคัดบอลโลก และ คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2017 ที่ได้แชมป์

คิมมิช แสดงให้เห็นถึงการยกระดับเป็นแบ็กขวาที่ดีที่สุดของยุโรป ด้วยการทำสถิติ แอสซิสต์มากที่สุด (9 ลูก) ในศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

เขายังเป็นผู้เล่นเพียงหนึ่งในสองคนของ บาเยิร์น มิวนิค ที่ลงสนามในบุนเดสลีกาครึ่งซีซั่นแรกครบ 17 นัด เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่ทั้งสโมสรและทีมชาติขาดไม่ได้อย่างแท้จริง

ถ้าหากทีมเสือใต้ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก และทีมชาติเยอรมนีไปได้สวยในเส้นทางป้องกันแชมป์โลก คิมมิช คนนี้นี่แหละ ที่จะเป็นคนที่สำคัญยิ่งกว่าสตาร์ดังอย่าง มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, โธมัส มุลเลอร์ หรือ มานูเอล นอยเออร์ เสียอีก

ถ้าจะได้ลุ้นยาก คงเป็นเพราะตำแหน่งการเล่นที่เป็นกองหลัง ซึ่งมักจะถูกมองข้ามเท่านั้นเอง

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาเยิร์น มิวนิค, ทีมชาติโปแลนด์)

ยิงให้ บาเยิร์น มิวนิค และ โปแลนด์ รวมทุกรายการตลอดปี 2017 ไปถึง 53 ประตู เป็นรองแค่ ลิโอเนล เมสซี่ กับ แฮร์รี่ เคน เพียง 2 คนเท่านั้น

จากสถิติที่ยิงให้ทีมเสือใต้รวมทุกถ้วยไม่ต่ำกว่า 40 ประตู มา 2 ฤดูกาลติดต่อกัน และกำลังนำเป็นดาวซัลโวบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ เขาคือผู้เล่นที่ดีที่สุดของลีกเมืองเบียร์อย่างไม่ต้องสงสัย

“เลวานดี้” ยังรักษาผลงานขั้นเทพในการรับใช้ชาติด้วย เมื่อซัดไปถึง 16 ประตู คว้ารางวัลดาวซัลโวของศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป ไปครอง

การเล่นให้โปแลนด์ อาจจะลุ้นคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกยากพอสมควร แต่ขอแค่เขาโชว์ฟอร์มโดดเด่นเกินใคร พาเสือใต้คว้าแชมป์ทุกรายการในฤดูกาลนี้ ก็อาจเพียงพอแล้ว ที่จะทำให้เจ้าตัวได้ลูกบอลทองคำไปครองเสียที

แฮร์รี่ เคน (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, ทีมชาติอังกฤษ)

ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดพรีเมียร์ลีกมา 2 ฤดูกาลซ้อน และยังครองสถิติ นักเตะที่ยิงประตูให้ทีมชาติ + สโมสร มากที่สุดในปี 2017 (56 ประตู) เรียกได้ว่าประสิทธิภาพการจบสกอร์ดีที่สุดของโลกในปีที่ผ่านมาได้เลย

แต่การอยู่กับทีมไก่เดือยทอง ถือว่ายากที่จะลุ้นคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก และทีมชาติอังกฤษก็ไม่มีใครคาดหมายว่าจะไปไกลนักใน ฟุตบอลโลก 2018

มีเพียงผลงานการถล่มประตู ที่ เคน ต้องรักษามาตรฐานยิงกระฉูดให้เหนือกว่า เมสซี่, โรนัลโด้, เลวานดอฟสกี้ รวมถึงนักเตะชั้นนำคนอื่นๆ ตลอดปีเท่านั้น ที่จะทำให้หัวหอก สเปอร์ส เป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกในรอบ 17 ปีต่อจาก ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ได้ลูกบอลทองคำเป็นเกียรติยศ

ดาบิด ซิลบา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ทีมชาติสเปน)

กองกลางวัย 31 ปี คือกำลังสำคัญในการทำเกมของทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งกำลังเป็นว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ เจ้าตัวทำไปแล้ว 8 แอสซิสต์ เป็นรองเพียง เควิน เดอ บรอยน์ คนเดียวในทีมเท่านั้น

ซิลบา ยังเป็นตัวรุกที่ผลงานดีที่สุดของทีมชาติสเปนในยุคที่ ฆูเลน โลเปเตกี คุมทีม เมื่อยิงให้ทีมกระทิงดุถึง 11 ประตู ตั้งแต่เดือนกันยายน 2016 จนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา

ถ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผลงานเด่นขนาดประสบความสำเร็จใน แชมเปี้ยนส์ ลีก และสเปนไปไกลถึงรอบลึกๆ ฟุตบอลโลก นี่คืออีกตัวเต็งที่ไม่ควรมองข้ามเลย

เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ทีมชาติเบลเยียม)

นี่คือผู้เล่นที่ผลงานโดดเด่นที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และไม่มีใครปฏิเสธอีกแล้วว่าฝีเท้าของเขาถึงขั้นระดับโลกแล้วหรือยัง

เดอ บรอยน์ นำเป็นจอมแอสซิสต์สูงสุดพรีเมียร์ลีกซีซั่นปัจจุบัน (9 ลูก) สร้างโอกาสทำประตูมากที่สุด (63 ครั้ง) และเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ทุกนัดที่พบกับทีมกลุ่ม “บิ๊ก ซิกซ์”

เจ้าตัวยังเป็นผู้เล่นเอาต์ฟิลด์เพียงคนเดียว ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ส่งลงตัวจริงในลีกทุกนัด และแน่นอนว่าหากทีมเรือใบสีฟ้าสะสมแชมป์มากเท่าไร โอกาสที่อดีตกองกลาง โวล์ฟสบวร์ก จะมีลุ้น บัลลง ดอร์ ก็มากขึ้นเท่านั้น

เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด, ทีมชาติสเปน)

นี่คือกองหลังคนเดียวของโลก ที่ติดทีมยอดเยี่ยม ฟิฟโปร มา 7 ปีติดต่อกัน และรับบทบาทกัปตันทีมทั้งระดับทีมชาติและสโมสร

เรอัล มาดริด อาจจะมีผลงานไม่ดีใน ลา ลีกา ซีซั่นนี้ แต่ยังอยู่ในเส้นทางของการป้องกันแชมป์ยุโรป ถ้าหาก รามอส นำทีมราชันชุดขาวครองถ้วยได้อีกสมัย และพาสเปนประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก เขาน่าจะเป็นกองหลังอันดับต้นๆ ที่มีสิทธิ์ลุ้นรางวัล

เอแด็น อาซาร์ (เชลซี, ทีมชาติเบลเยียม)

อาซาร์ ถูกยกให้เป็นนักเตะฝีเท้าดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกในรอบหลายปีหลัง โดยพา เชลซี เป็นแชมป์ไปแล้วถึง 2 ครั้ง พ่วงด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ อีก 1 สมัย

แม้ทีมสิงโตน้ำเงินครามอาจจะได้ลุ้นแชมป์รายการใหญ่ยากในปีนี้ แต่ไม่มีใครมองข้ามความสามารถของกัปตันทีมชาติเบลเยียม ที่เป็นผู้เล่นที่เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งเก่งที่สุดในลีกอังกฤษ (76 ครั้ง) และสร้างโอกาสทำประตูให้เพื่อนมากที่สุดในทีม (36 ครั้ง)

อันเดรส อีเนียสต้า (บาร์เซโลน่า, ทีมชาติสเปน)

จากการที่ บาร์เซโลน่า กำลังอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์ทุกรายการในฤดูกาลนี้ และ สเปน คืออีกหนึ่งตัวเต็งที่จะได้แชมป์ฟุตบอลโลก

อีเนียสต้า คือนักเตะที่ติดทีมยอดเยี่ยมของโลกหรือ ฟิฟโปร บ่อยที่สุด (9 ครั้ง) หากไม่นับ เมสซี่ หรือ โรนัลโด้ 

โดยในปี 2010 ที่เจ้าตัวยิงประตูชัยพาสเปนได้แชมป์โลก เขาใกล้เคียงจะคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ มากที่สุด แต่แพ้คะแนนโหวต ลิโอเนล เมสซี่ คนเดียวเท่านั้น

หากปี 2018 ทั้งบาร์ซ่าและทีมกระทิงดุประสบความสำเร็จอย่างสูง บางทีอาจถึงเวลาเสียที ที่กองกลางวัย 33 ปีจะได้เกียรติยศส่วนตัวสูงสุดในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้ง หลังได้มาครบทุกแชมป์แล้วในชีวิตนี้