ช่วยชาติวิเคราะห์ : 5 จุดน่าปรับทัพ ทีมชาติไทย ก่อนดวล บาห์เรน

น่าให้โอกาสศิวรักษ์

จริงอยู่ที่ผลงานของ ฉัตรชัย บุตรพรม ในฤดูกาลที่ผ่านมากับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เขาขึ้นชื่อเรื่องเซฟจุดโทษ และช่วยทีมไว้มากมายจนคว้าแชมป์บอลถ้วยไปถึง 2 รายการ

ทำให้หลายคนยกให้เขานี่แหละคือมือหนึ่งของไทย ในเวลาที่ไม่มี กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่บาดเจ็บอยู่

แต่แล้ว “เจ้าบอย” ก็เริ่มโดนพูดถึงอยู่เรื่อยๆตั้งแต่เสียประตูง่ายๆ ในเกมที่เสมอ ฟิลิปปินส์ 1-1 ใน ซูซูกิ คัพ รวมทั้งคำพูดที่ไปปลุกใจ มาเลเซีย ก่อนจะพลาดท่าตกรอบไปในที่สุด

อีกทั้งในเกมแพ้ อินเดีย 1-4 แฟนบอลไทยหลายคนก็มองว่าเขาควรทำได้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะ 3 ประตูหลังที่น่าจะเซฟช่วยทีมไว้ได้บ้าง

ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงน่าจะเป็นโอกาสดีที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน จะได้รับโอกาสบ้าง นายทวารทีมแชมป์ไทยลีก อุตส่าห์ยึดมือหนึ่งของไทยในเกมประเดิมสนามชิงแชมป์อาเซียนได้แล้ว

แต่หลังพลาดไปนิดหน่อยทำให้กลายเป็น “ซูเปอร์บอย” ครองแทนไปซะอย่างงั้น เอาเข้าจริงด้วยประสบการณ์ระดับเอเชียที่ไปลุย ACL อย่างต่อเนื่อง

บวกกับการได้ซ้อมกับนักเตะชั้นยอดของไทย “เจ้าแชมป์” ในวัย 34 ปีควรได้โอกาสกลับมาเฝ้าเสาเป็นตัวจริงให้ ทัพช้างศึกดูเหมือนกัน

“เหลิม-โย่ง” อาจต้องพักสักคน

อีกจุดนึงที่น่าสนใจคือเซนเตอร์ตัวหลาง หลังในนัดแรกทั้ง พรรษา เหมวิบูลย์ และ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ดูจะหลุดฟอร์มไปพร้อมๆ กันจนโดนเจาะตาข่ายไปถึง 4 เม็ด

ที่น่าสนใจคือทั้งสองคนถือเป็นแข้งที่สูงใหญ่ และรับมือลูกกลางอากาศได้ดีจริง แต่กลับไม่มีตัวชน หรือ วิ่งไล่ตามได้เลยสักคน

เมื่อลองดูจุดนี้ก็พอมี อดิศร พรหมรักษ์ และ มิก้า ชูนวลศรี ที่น่าจะแทนที่ได้ไม่ยาก ด้วยตำแหน่งที่ทั้งคู่เคยเล่นอยู่แล้ว

และสไตล์ที่ชัดเจนเรื่องการวิ่งสู้ฟัด ก็น่าลองเปลี่ยนมาลงแทนใครสักคนในคู่กองหลังดูเหมือนกัน

นอกจากสองคนนี้ก็ยังมีชื่อของ สุพรรณ ทองสงค์ กองหลังร่างใหญ่ที่พร้อมจะรับหน้าที่นี้เช่นกัน หลังเคยทำได้ดีทีเดียวในเกมอุ่นเครื่องที่เปิดบ้านชนะ ตรินิแดด 1-0 ก่อนไปลุยซูซูกิ คัพที่ผ่านมา

ฟูลแบ็กต้องเอาให้ชัด

แม้จะได้ทั้ง ทริสตอง โด และ ธีราทร บุญมาทัน มาช่วยแก้ปัญหาในตำแหน่งฟูลแบ็ก แต่ดูเหมือนว่าเกมแรก มิโลวาน ราเยวัช ใช้งานทั้งคู่แบบสารพัดไปหน่อย แบบไม่รู้จะให้ทั้งคู่เล่นแบบเน้นรับ หรือเน้นรุกกันแน่ จนไม่สามารถงัดฟอร์มเทพได้เลย

ทั้งขยับ “โก๋อุ้ม” ไปเล่นทั่วไปหมดในแดนกลาง หรือ โด ที่ดูจะถนัดเกมรุกก็ดันถอยลึกจนไม่มีโอกาสเติมเกมเลย

เอาเข้าจริงถ้ากล้าเสี่ยงเลยก็แค่เลือก อดิศร หรือ มิก้า มาเป็นแบ็กขวาสักคน และดัน โด ไปเป็นปีกที่ทำผลงานได้อย่างดีในเมืองทองซะเลย

ขณะที่แบ็กซ้ายถ้าเสียดาย ธีราทร อยากให้ไปปั้นเกมก็แค่เอา กรกช วิริยอุดมศิริ ลงมาแทนเท่านั้น จริงอยู่ที่ “โก๋อุ้ม” เป็นคนที่วางที่วอลได้ดี แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เหมาะกับกลางรับสักเท่าไหร่

กลางรับต้องมี

เป็นอีกตำแหน่งที่มีปัญหาเหลือเกินในช่วงหลังๆ โดยในทีมชุดนี้ มิโลวาน ราเยวัช ใส่ชื่อมิดฟิลด์ตัวรับอาชีพไว้แค่คนเดียวเท่านั้นนั่นคือ ธนบูรณ์ เกษารัตน์

จริงอยู่ที่ “เจ้าตั้ม” ดูจะยังไม่กลับคืนฟอร์มเก่งได้ แถมผลงานก็ไม่ค่อยดีนักใน ซูซูกิ คัพ แต่ต้องยอมรับเลยว่า ทีมชาติไทย ต้องมีตัวรับอาชีพในเกมใหญ่ระดับเอเชียแบบนี้

ชัดเจนเลยว่านัดที่แพ้ อินเดีย 1-4 การเลือกส่ง สรรวัชญ์ เดชมิตร กับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ลงคู่กันในแผงมิดฟิลด์ และเลือกพัก ธนบูรณ์ ไว้ดูจะไม่ค่อยเวิร์คเอาซะเลย

ด้วยธรรมชาติที่ไม่ได้เป็นตัวรับอาชีพ ทำให้ไม่มีตัวชลอเกมรุกของคู่แข่งเลย นั่นส่งผลให้แข้งจากแดนภารตะ มีอิสระในเกมรุก และเจาะกองหลังเราตลอดเวลา

แต่ในขณะเดียวกัน ปกเกล้า อนันต์ ก็น่าสนใจเหมือนกันเพราะเขาเป็นคนที่คุมบอลได้ดี แถมสามารถยืดหยุ่นเล่นได้ทั้งรุก และรับ แม้เขาจะไม่ใช่กลางรับอาชีพก็ตาม

AK9 ต้องไม่ใช่ตัวริมเส้น

ถือเป็นอีกจุดที่ขัดใจแฟนบอลพอสมควรหลัง มิโลวาน ราเยวัช ขยับ อดิศักดิ์ ไกรษร ไปเล่นเป็นปีกขวาซะอย่างงั้นทั้งๆ ที่ตำแหน่งที่ถนัดที่สุดคือกองหน้าตัวเป้า

หากมองใน 23 คนที่ติดมาชุดนี้มีอีกหลายคนเหลือเกินที่สามารถลงเล่นในตำแหน่งริมเส้นได้ดีไม่ว่าจะเป็น ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่ทำได้ดีเหลือเกินกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นที่ผ่านมา

หรือแม้กระทั่ง ชนานันท์ ป้อมบุบผา และ ศุภชัย ใจเด็ด ก็พร้อมที่จะลงเล่นริมเส้นได้ทั้งสองข้าง โดยเฉพาะ ทริสตอง โด ที่ปีที่แล้วยิงเป็นกอบเป็นกำก็เพราะถูกดันไปเป็นปีกขวานี่แหละ

เอาเข้าจริง สิโรจน์ ฉัตรทอง ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการเจอกับนักเตะตัวใหญ่ๆ ไม่ใช่เอาไปยืนกลางรับที่เขาทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย

ซึ่งจากรายชื่อต้องยอมรับเลยว่าตำแหน่งนี้มีนักเตะให้เลือกใช้เยอะสุดๆ หาก “โค้ชโต่ย” อยากใช้ระบบเดิมสำคัญจริงๆ เลยว่าปีกขวาต้องไม่ใช่ AK9