รวบรวมสถิติตลอดปี 2017 ของทีมชาติไทย
ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการลงสนามทั้งหมดในปี 2017 ของ ทีมชาติไทย แม้จะเป็นปีที่ยากลำบากในการดวลกับทีมยักษ์ใหญ่ของเอเชีย ในศึกคัดบอลโลก 2018
แถมยังมีช่วงการเปลี่ยนโค้ชใหม่อีกต่างหาก ทำให้ถือว่าปีนี้ ทัพช้างศึกมีอะไรให้พูดถึงมากทีเดียว อย่างไรก็ตามในปีนี้เราก็สามารถคว้าแชมป์คิงส์คัพ 2017 มาครองได้สักที!!
จ่าเย็น ท็อปฟอร์มยิงต่อเนื่อง!!
แม้ว่าช่วงปลายยุคของ โค้ชซิโก้ นั้น มงคล ทศไกร จะถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องฟอร์มการเล่น จนเจ้าตัวแทบจะตกเป็นจำเลยของ ทัพช้างศึก มาโดยตลอด
แต่ใครจะไปคิดเมื่อจบปี 2017 นี่แหละคือ ดาวซัลโวของทีมชาติไทย โดยเฉพาะการยิงติดกัน 2 นัดกับทีมชาติครั้งแรกในชีวิตในนัดเสมอ ยูเออี 1-1(คัดบอลโลก) ต่อเนื่องกับชนะ เกาหลีเหนือ 3-0 (คิงส์คัพ)
และล่าสุดในเกมชนะ เมียนมา 3-1 จ่าเย็น ก็เป็นผู้เบิกสกอร์ขึ้นนำให้ ทัพช้างศึก จน 3 ประตูนี้ส่งผลให้เขาเป็นตัวท็อปสกอร์ของไทยอย่างแท้จริงในปีนี้!!
เจ้าบาสจอมแอสซิสต์
หากพูดถึงจอมแอสซิสต์ทัพช้างศึกเชื่อเหลือเกินว่าใครๆ ก็ต้องนึกถึงชื่อของ ธีราทร บุญมาทัน เป็นคนแรกแน่นอน
แต่ในช่วงปี 2017 ที่ผ่านมากลายเป็น พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ที่คว้าตำแหน่งนี้ไปครองหลังจ่ายให้เพื่อนทำประตูได้ถึง 2 ครั้ง
และยังมีอีกถึง 2 หนก็เกือบจะเป็นแอสซิสต์เช่นกัน เริ่มตั้งแต่จ่ายให้ มงคล ยิงประตู ออกนำ ยูเออี แต่ลูกนั้นแฉลบนายทวารทีมเยือนซะก่อน
ต่อเนื่องกับการตักมาให้ ทริสตอง โด ซัดตีเสมอ อิรัก แต่ลูกนั้นกลายเป็น อิรัก ทำเข้าประตูตัวเองไป ทำให้พลาดไปอีก 2 แอสซิสต์ซ้อนๆ
ขณะที่เจ้าของจอมถวายพานคนเก่าอย่าง โก๋อุ้ม ในปี 2016 จัดให้ทีมไปถึง 7 ครั้ง(รวมเรียกจุดโทษ) ในปีนี้เจ้าตัวจ่ายให้เพื่อนยิงเพียง 1 ลูกเท่านั้นเอง
เจ้าเก่ง ลงประจำไม่ว่ายุคไหน!!
อดิศร พรหมรักษ์ คือนักเตะที่ถูกส่งลงสนามมากที่สุดในทีมแบบไม่น่าเชื่อทั้งที่ปีก่อนโอกาสลงในนามทีมชาติน้อยเหลือเกิน
โดยเฉพาะในยุคของ ราเยวัช “เจ้าเก่ง” ครองตำแหน่งตัวจริงในทีมมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะลงเป็นแบ็กขวา หรือเซนเตอร์ก็ตาม
แซงหน้านายทวารอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ไปเฉยเลยหลังเจ้าตอง ได้รับบาดเจ็บจนพลาดลงสนามไปหลายนัดเช่นกัน
ขณะที่รองลงมาคือ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่ลงตัวจริงตลอด 8 นัดหลังสุดครบทุกนาทีเพียงคนเดียวเท่านั้นหลังจากหมดยุคของ โค้ชซิโก้ นั่นเอง
13 แข้งเปิดซิงช้างศึกยุคใหม่!!
ในปี 2017 มีถึง 13 นักเตะที่ได้ขึ้นมาประเดิมสนามทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ซึ่งทุกคนล้วนเข้ามาในยุค มิโลวาน ราเยวัช ทั้งนั้นด้วย
ซึ่งแน่นอนว่า 2 คนที่ก้าวมาปุ๊บยึดตัวหลักเลยต้องยกให้คู่เซนเตอร์สุดแกร่งอย่าง พรรษา เหมวิบูลย์ และ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว นั่นเอง
ขณะที่ดาวรุ่งก็มีมากถึง 5 คนที่มีชื่อขึ่นชุดใหญ่แต่ที่ฮือฮาสุดๆ ต้องยกให้การ เควิน ดีรมรัมย์ และ สุภโชค สารชาติ ที่ได้ลงสนามทันทีในเกมแรกแม้วัยเพียง 19 ปีเอง
ส่วนที่เหลืออีก 9 รายนั้นต้องยอมรับเลยว่ากลายเป็นตัวเสริมทัพชั้นยอดที่มีชื่อติดทัพช้างศึกอย่างต่อเนื่องแล้วในระยะหลัง
พรรษา เหมวิบูลย์ : 6 มิถุนายน 2017: อุ่นเครื่องแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว : 6 มิถุนายน 2017: อุ่นเครื่องแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
ชัยวัฒน์ บุราญ : 6 มิถุนายน 2017: อุ่นเครื่องแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
เควิน ดีรมรัมย์ : 6 มิถุนายน 2017: อุ่นเครื่องแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี : 6 มิถุนายน 2017: อุ่นเครื่องแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
ชุติพนธ์ ทองแท้ : 6 มิถุนายน 2017: อุ่นเครื่องแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
บดินทร์ ผาลา : 6 มิถุนายน 2017: อุ่นเครื่องแพ้ อุซเบกิสถาน 0-2
ฟิลิป โรลเลอร์ : 14 กรกฎาคม 2017 : คิงส์คัพ ชนะ เกาหลีเหนือ 3-0
สุภโชค สารชาติ : 31 สิงหาคม 2017 คัดบอลโลก แพ้ อิรัก 1-2
สุพจน์ จดจำ : 5 ตุลาคม 2017 : อุ่นเครื่อง ชนะ เมียนมา 3-1
ซิโก้ ต่อเนื่อง ราเยวัช!!
เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบเกือบ 4 ปีของ ทีมชาติไทยเลยก็ว่าได้หลัง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังพาทีมมีผลงานไม่ดีนักในศึกคัดบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย
และคนที่มารับไม้ต่อคือ มิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชชาวเซอร์เบียที่เคยพา กาน่า ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010
ผลงานทีมชาติไทย 10 นัดตลอดปี 2017 ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 5
23/03/2017 : ไทย 0-3 ซาอุดิอาระเบีย
28/03/2017 : ญี่ปุ่น 4-0 ไทย
6/06/2017 : อุซเบกิสถาน 2-0 ไทย
13/06/2017 : ไทย 1-1 ยูเออี
14/07/2017 : ไทย 3-0 เกาหลีเหนือ
16/07/2017 : ไทย 0-0 เบลารุส (ชนะจุดโทษ 5-4)
31/08/2017 : ไทย 1-2 อิรัก
5/09/2017 : ออสเตรเลีย 2-1 ไทย
5/10/2017 : เมียนมา 1-3 ไทย
8/10/2017 : ไทย 1-0 เคนยา
และนี่ก็น่าจะเป็นสถิติที่น่าสนใจส่วนหนึ่งของ ทีมชาติไทย ตลอดทั้งปี 2017 ซึ่งแม้จะไม่สามารถคว้าชัยได้สักนัดในคัดบอลโลก รอบสุดท้าย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสู้กับทีมยักษ์ใหญ่ของทวีปได้เหมือนกัน!!
ในปีหน้าอย่างน้อยแฟนบอลไทยก็หวังแค่ว่ามีแมตช์แข่งเรื่อยๆ และไปป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ให้ได้ก็น่าจะทำให้พวกเรามีความสุขแล้ว!!