คูตินโญ่ย้ายจะเป๋ไหม? ย้อน 7 อดีตแข้งหงส์ เคยทำทีมทรุด หลังชิ่งทีม

แต่หลังจบซีซั่นนั้น กองกลางจอมวางบอลยาวถูก เรอัล มาดริด ซื้อไปด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ แล้วตัวที่ซื้อไปใหม่อย่าง อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ ไม่อาจแทนได้แม้แต่น้อย

จากที่ได้รองแชมป์ในฤดูกาล 2008-09 กลายเป็นร่วงลงสู่ที่ 7 ในฤดูกาลถัดมา อดไปเล่น UCL ซะอย่างนั้น

อัลบาโร่ อาร์เบลัว (ย้ายไป เรอัล มาดริด ปี 2009)

อดีตแข้งชาวสแปนิช ซึ่งเล่นเป็นฟูลแบ็กได้ทั้ง 2 ข้าง แม้ทำผลงานไม่หวือหวา แต่ก็โดดเด่นในการทำให้การป้องกันริมเส้นของ ลิเวอร์พูล เหนียวแน่น ตลอด 2 ฤดูกาลเศษๆ ที่มีเขาอยู่ในทีม

แต่หลังจากที่ ราฟาเอล เบนิเตซ ไปคว้าตัว เกล็น จอห์นสัน จาก พอร์ทสมัธ แทนในซัมเมอร์ 2009 เขาก็กลายเป็นแข้งส่วนเกินที่โดนโละไปให้ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเพียง 5 ล้านปอนด์

อาร์เบลัว ไปประสบความสำเร็จทุกรายการกับทีมราชันชุดขาว แถมยังได้ติดทีมชาติสเปนชุดแชมป์โลก 2010

ขณะที่ “จีเจ” โดนโจมตีว่าเป็นบ่อน้ำมันให้คู่แข่งเจาะสบายๆ และสามารถพาหงส์แดงทำอันดับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (ย้ายไป บาร์เซโลน่า ปี 2010)

สมัยที่ทีมหงส์แดงมีทั้ง มาสเคราโน่, อลอนโซ่ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เล่นร่วมกันในแผงมิดฟิลด์ พวกเขาถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทีมที่กองกลางแน่นที่สุดในยุโรป

แต่หลังจากที่ อลอนโซ่ ย้ายหนีไปแล้วแดนกลางยวบลง จนอดไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะได้แค่อันดับ 7 ในฤดูกาล 2009-10 คราวนี้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้กองกลางตัวรับทีมชาติอาร์เจนตินา ย้ายไปเล่นกับทีมใหญ่ที่สเปนบ้าง

หลังจาก มาสเคราโน่ ย้ายทีมด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร เขาได้แชมป์กับบาร์ซ่าถึง 17 โทรฟี่ ส่วน ลิเวอร์พูล ได้ถ้วย คาร์ลิ่ง คัพ ปี 2012 มาเพียงถ้วยเดียวเท่านั้น

เฟร์นานโด ตอร์เรส (ย้ายไป เชลซี ปี 2011)

อดีตหัวหอกทีมชาติสเปนกดไปถึง 81 ประตู จากการลงเล่น 142 นัด รวมทุกรายการ ให้ทีมหงส์แดง ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ ถึง 2 ครั้ง แม้จะไม่เคยพาทีมได้แชมป์ แต่ผลงานโดดเด่นเหนือบรรยาย

การย้ายไป เชลซี ในวันปิดตลาดนักเตะ เดือนมกราคม 2011 อาจได้เงินกลับมาถึง 50 ล้านปอนด์ แถมตัวนักเตะฟอร์มตกแบบกู่ไม่กลับที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์

แต่เม็ดเงินถึง 35 ล้านปอนด์ ที่เอาไปซื้อ แอนดี้ แคร์โรลล์ มาสวมเบอร์ 9 แทน แล้วยิงให้ทีมในลีกได้แค่ 6 ลูก จากการลงเล่น 44 นัด และไม่สามารถพาทีมไปเล่น UCL ได้เลย ถือว่าการขาย “เอล นินโญ่” ทิ้ง มีแต่พังสำหรับทุกฝ่าย

หลุยส์ ซัวเรซ (ย้ายไป บาร์เซโลน่า ปี 2014)

เป็นอีกหนึ่งดาวยิง ที่ย้ายไป ลิเวอร์พูล ในวันปิดตลาดเดือนมกราคม 2011 ร่วมกับ แอนดี้ แคร์โรลล์ แต่ผลงานของ “หม่อมเหยิน” เทพกว่ากันเยอะ

ฤดูกาล 2013-14 ซัวเรซ คือดาวยิงอันดับหนึ่งของยุโรป เมื่อคว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยม+ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก (31 ประตู) พร้อมพาทีมลุ้นแชมป์จนถึงนัดสุดท้าย

แต่หลังย้ายไป บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์ สโมสรก็ยังไม่อาจหาดาวยิงตัวแทนที่ฝีเท้าระดับเดียวกันได้อีกเลย แถมฤดูกาลหลังจากเสียเขาไป จากที่ทีมได้ลุ้นแชมป์ กลายเป็นจบแค่อันดับที่ 6

แดเนียล แอ็กเกอร์ (ย้ายไป บรอนด์บี้ ปี 2014)

อดีตปราการหลังทีมชาติเดนมาร์ก ถูกแต่งตั้งให้เป็นรองกัปตันทีม หลังจากที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ แขวนสตั๊ดไปหลังจบฤดูกาล 2012-13

ฤดูกาล 2013-14 ที่ทีมหงส์แดงได้รองแชมป์ แอ็กเกอร์ เล่นได้ดีมากในแนวรับ จากการลงสนามเป็นตัวจริง 16 นัด ในลีก เขาช่วยให้ทีมได้คลีนชีตถึง 8 เกม แถมเติมขึ้นไปทำประตูได้ถึง 2 ลูก

แต่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กลับมองว่ากองหลังโคนมไม่ดีพอจะเล่นในพรีเมียร์ลีกอีก จึงยอมปล่อยให้เจ้าตัวกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ บรอนด์บี้ ในซีซั่นถัดมา แล้วทีมหงส์แดงกลับจบฤดูกาลได้แค่อันดับ 6

ราฮีม สเตอร์ลิง (ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปี 2015)

แฟนทีมหงส์แดงอาจมองว่าการได้เงินสูงถึง 49 ล้านปอนด์ จากทีมเรือใบสีฟ้า ถือว่าคุ้มสุดๆ ถ้าแลกกับการปล่อยนักเตะที่ยังไม่พัฒนาฝีเท้าถึงขั้นระดับท็อปออกไป

แต่ความเป็นจริงก็คือ สเตอร์ลิง ทำผลงานได้ดีที่สุดในทีมหงส์แดงฤดูกาล 2014-15 จากผลงาน ยิง 7 แอสซิสต์ 7 ทั้งที่โดนจับเล่นหลายตำแหน่ง ตั้งแต่วิงแบ็ก ยันกองหน้าตัวเป้า

หลังจาก ลิเวอร์พูล ขายเขาออกไปในซัมเมอร์ 2015 จากเดิมที่ได้อันดับ 6 กลายเป็นได้แค่อันดับ 8 ในฤดูกาล 2015-16 เพราะทีมขาดตัวริมเส้นฝีเท้าจัดไป

เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องใช้เวลานานถึงเกือบปี กว่าจะค้นพบตัวแทนใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้อย่าง ซาดิโอ มาเน่

เชื่อว่าสถานการณ์ของ คูตินโญ่ ในถิ่นแอนฟิลด์ คงต้องติดตามกันไปจนกระทั่งถึงวันปิดตลาด

และถ้าสุดท้ายรั้งนักเตะเอาไว้ไม่ได้ โอกาสที่ทีมจะผลงานตกไปจากเดิม ถือว่ามีสูง เพราะคงไม่ง่ายแน่ ที่จะหาตัวแทนที่ฝีเท้าเทพพอๆ กันมาทันที