แบ็กขวา : ดานี่ อัลเวส (ยูเวนตุส ย้ายไป เปแอสเช)
แบ็กขวาจอมเก๋าวัย 34 ปี คือกองหลังที่สร้างโอกาสทำประตูมากที่สุดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว ที่เล่นให้ ยูเวนตุส (31 ครั้ง)
หากนับผู้เล่นทุกตำแหน่ง เขาสร้างโอกาสใน UCL ซีซั่นก่อนน้อยกว่า โทนี่ โครส ที่ทำได้ 33 ครั้ง เพียงคนเดียว โดยนอกจากแอสซิสต์ไป 4 ลูกแล้ว ยังยิงประตูสุดสวยได้เองถึง 3 ประตู
ผลงานของ อัลเวส ในสีเสื้อต้นสังกัดใหม่อย่าง เปแอสเช ช่วงต้นฤดูกาลนี้ ยัง ยิง 1 จ่าย 2 จากการลงเล่น 3 นัดรวมทุกรายการ
เรียกได้ว่าโดดเด่นไม่เป็นรอง ดานี่ การ์บาฆัล ที่ถูกเสนอเข้าชิงแม้แต่น้อย
เซนเตอร์แบ็ก : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (เชลซี)
“พี่เดฟ” ขวัญใจแฟนสิงห์บลูส์ คือนักเตะที่ลงสนามให้เชลซีแบบ ครบทุกนัด ทุกนาที ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน และทำผลงานดีสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะรับบทหนึ่งใน 3 กองหลังตัวกลาง หรือเป็นฟูลแบ็ก
อัซปิลิกวยต้า ยังทำสถิติเป็นนักเตะที่ ผ่านบอลสำเร็จมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว อีกด้วย (2,145 ครั้ง)
เซนเตอร์แบ็ก : มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ (บาเยิร์น มิวนิค)
ฤดูกาลที่แล้ว บาเยิร์น มิวนิค คือทีมที่เสียประตูในเกมลีก น้อยที่สุดในบรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรป (22 ประตู) ซึ่งปราการหลังทีมชาติเยอรมนีรายนี้ มีส่วนสำคัญมากทีเดียว
ฮุมเมิ่ลส์ ช่วยให้ทีมไม่เสียประตูมากถึง 13 นัด จากทั้งหมด 27 เกม ที่ลงเล่นในบุนเดสลีกาซีซั่นก่อน แถมยังเติมขึ้นไปพังประตูเองได้ถึง 3 ประตู รวมทุกรายการ ด้วย
แบ็กซ้าย : อเล็กซ์ ซานโดร (ยูเวนตุส)
แบ็กซ้ายชาวบราซิเลียน ยึดตัวหลักแทนที่ ปาทริซ เอวร่า ในถิ่น ยูเวนตุส สเตเดี้ยม แบบเต็มตัว และทำผลงานโดดเด่นทั้งเกมรุกและรับ
เขามีส่วนกับประตูของทีมถึง 7 ลูก ในเซเรีย อา ฤดูกาลที่แล้ว (ยิง 3 แอสซิสต์ 4) ขณะที่สถิติเข้าปะทะสำเร็จ 62 ครั้ง ตัดบอลได้อีก 57 ครั้ง จัดว่าเข้าเกณฑ์ยอดเยี่ยม สำหรับตำแหน่งวิงแบ็ก
กองกลางตัวรับ : คาเซมิโร่ (เรอัล มาดริด)
น่าน้อยใจแทน คาเซมิโร่ ที่โดนมองข้าม ทั้งที่เพื่อนร่วมแผงกลางอย่าง ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส ต่างมีชื่อติดโผกันหมด
กองกลางตัวรับทีมชาติบราซิล ยิงประตูสำคัญทั้งในนัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมทั้งศึก ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และเป็นผู้ปิดทองหลังพระ ที่ไม่เคยเล่นแย่ในแผงมิดฟิลด์ทีมราชันชุดขาวเลย
กองกลางตัวรุก : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม เป็นเจ้าของสถิติ แอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว (18 ลูก) ซึ่งถ้านับรวมนักเตะทุกคนใน 5 ลีกดังยุโรป เขาเป็นรอง เอมิล ฟอร์สเบิร์ก ของ แอร์เบ ไลป์ซิก ที่จ่ายให้เพื่อนยิง 19 ลูก เพียงคนเดียว
เดอ บรอยน์ ยังเป็นผู้เล่นที่สร้างโอกาสให้เพื่อน มากเป็น อันดับ 2 ของลีกสูงสุดอังกฤษซีซั่นก่อน (103 ครั้ง) ซึ่งคนเดียวที่ทำได้มากกว่าเขาคือ คริสเตียน เอริคเซ่น
กองกลางตัวรุก : คริสเตียน เอริคเซ่น (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์ก คือนักเตะที่ สร้างโอกาสสูงที่สุด ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน พาทีมไก่เดือยทองเข้าป้ายรองแชมป์
จากการสร้างโอกาสทั้งหมด 112 ครั้ง กลายเป็นแอสซิสต์ไปถึง 15 ลูก แถมเจ้าตัวยิงได้เองอีกถึง 8 ประตู ขณะที่ผลงานนัดเปิดฤดูกาลใหม่ ก็เหมาจ่ายคนเดียว 2 ลูก พาทีมบุกชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 อย่างสวยงาม
เรียกได้ว่าทั้ง เดอ บรอยน์ และ เอริคเซ่น น่าจะเป็นแคนดิเดตมากกว่า อันเดรส อิเนียสต้า ที่ช่วงหลังไม่ได้ลงสนามให้ บาร์เซโลน่า แบบสม่ำเสมอเท่าแต่ก่อน
กองหน้าฝั่งขวา : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (โรม่า ย้ายไป ลิเวอร์พูล)
ประเดิมเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกให้ทีมหงส์แดง ด้วยผลงาน เรียกจุดโทษ 1 ยิงเองอีก 1 แต่ความพีคของปีกตัวจี๊ดวัย 25 ในปี 2017 คือผลงานก่อนย้ายสู่ถิ่นแอนฟิลด์
ซาลาห์ ทำผลงานทั้งยิงและจ่ายเกิน 10 เม็ดใน เซเรีย อา ให้ โรม่า เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (ยิง 15 แอสซิสต์ 11) แถมยิงในศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ เมื่อช่วงต้นปีไปอีก 2 ลูก พาทีมชาติอียิปต์เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ
กองหน้าตัวเป้า : เอดินสัน คาวานี่ (เปแอสเช)
กระหน่ำไปถึง 49 ประตู จากการลงสนาม 50 นัดรวมทุกรายการ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดย 35 ประตู ในจำนวนนั้นเกิดขึ้นในเกม ลีก เอิง ที่พาตัวเขาขึ้นแท่นดาวซัลโว
ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยแสดงให้เห็นถึงสถิติการทำประตูที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งในซีซั่นที่ผ่านมา แถมเกม ลีก เอิง ฤดูกาลใหม่ ก็ยิงได้ตลอด 2 เกมแรก
จึงค้านสายตาเป็นอย่างยิ่งที่ คาวานี่ หลุดโผแคนดิเดต 24 คน แต่ดันมีชื่อของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ยิงได้น้อยกว่าเยอะติดแทน
กองหน้าฝั่งซ้าย : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (โมนาโก)
โอเคว่าในแคนดิเดต 24 คน เต็มไปด้วยตัวรุกกึ่งปีกฝีเท้าจัดๆ ทั้ง เนย์มาร์, เอแด็น อาซาร์, อ็องตวน กรีซมันน์ และ อเล็กซิส ซานเชซ แต่ไม่ว่าอย่างไร ชื่อของเจ้าหนูดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุด ณ ยุคนี้ ก็ไม่ควรโดนมองข้าม
เอ็มบัปเป้ ยิงให้ โมนาโก รวมทุกถ้วยไปถึง 20 ประตู นับเฉพาะในปี 2017 โดยที่ตำแหน่งการเล่นส่วนมากก็มักโดนจับฉีกออกไปยืนด้านกว้าง
และนอกจากจะจบสกอร์แบบคมกริบแล้ว การกระชากลากเลื้อย และสปีดเร็วกว่านรก ถือว่าดาวเตะวัย 18 ปี ก้าวขึ้นระดับโลกไปแล้ว