ขอสวัสดีปีใหม่แฟนบอลทุกท่าน ซึ่งในปี 2019 นี้ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงจะต้องมีประเด็นน่าสนใจให้ติดตามกันอีกมากมายอย่างแน่นอน
สำหรับ 11 นักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกประจำเดือนธันวาคม ของปี 2018 ที่ผ่านมา ในสายตาของทีมงาน Balltoro จะมีใครบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลย…
เก็บคลีนชีตได้ถึง 4 ครั้ง จาก 7 เกมที่ลงเฝ้าเสาให้ต้นสังกัดในเกมลีกเดือนสุดท้ายของปี 2018 ซึ่งแม้จะทำผิดพลาดจนทีมเสียประตูในเกมแดงเดือด แต่นายด่านมือหนึ่งทีมชาติบราซิล ก็งัดฟอร์มเซฟสวยๆ ออกมาหลายครั้ง
แบ็กขวา : แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ (วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส)
ในเดือนธันวาคม วูล์ฟแฮมป์ตัน คือทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุด หากไม่นับทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์ เมื่อสามารถเก็บชัยชนะถึง 4 นัด จากการลงเล่นทั้งหมด 6 เกม โดยแพ้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ผลงานมาสเตอร์พีซของทีมหมาป่าในเดือนนี้ คือการเอาชนะทีมใหญ่ทั้ง เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งทั้ง 2 เกมดังกล่าว โดเฮอร์ตี้ สามารถทำแอสซิสต์สำคัญได้ทั้งสิ้น
ประตูชัยที่ ดีโอโก้ โชต้า ซัดดับ เชลซี 2-1 เขาผ่านบอลจากฝั่งขวาถวายพานให้ยิงแบบเนียนกริ๊บ ก่อนที่เกมส่งท้ายปี จะจ่ายทะลุช่องอย่างฉลาดให้ เอลแดร์ คอสต้า หลุดเดี่ยวไปยิงตอกฝาโลงใส่ สเปอร์ส 3-1 ถึง เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
โดยในเดือนธันวาคม 2018 ดาวเตะทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ผู้นี้ ลงเล่นแบบเต็มเกมครบทุกนัด และมีสถิติตัดบอลที่โดดเด่น โดยทำได้ถึง 13 ครั้ง ด้วยกัน
เซนเตอร์แบ็ก : ดาวิด ลุยซ์ (เชลซี)
ปราการหลังหัวฟูชาวบราซิเลียน เล่นได้ท็อปฟอร์มสุดๆ ในเกมที่พา เชลซี เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ซึ่งทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าแพ้เกมลีกเป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้
โดยเกมนั้น ดาวิด ลุยซ์ ทำสถิติเคลียร์บอลทิ้งมากที่สุดเท่าที่เขาเคยลงเล่นมาในซีซั่นนี้ (7 ครั้ง) และโขกพังประตูที่ 2 ให้ทีม
ขณะที่เกมส่งท้ายปี เขาก็เป็นคนวางบอลยาวอย่างยอดเยี่ยมให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หลุดไปยิงประตูชัยดับ คริสตัล พาเลซ 1-0
ซึ่งผลงานช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตถึง 3 นัด จากการลงสนามครบทุกนาที ทั้ง 6 เกมในเดือนธันวาคม ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
เซนเตอร์แบ็ก : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)
นับวัน ปราการหลังกัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์รายนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาคุ้มค่ากับราคา 75 ล้านปอนด์ ซึ่งแพงที่สุดในโลกสำหรับนักเตะตำแหน่งกองหลังมากแค่ไหน
ในเดือนธันวาคม ลิเวอร์พูล ทำสถิติชนะในพรีเมียร์ลีก 7 นัดรวด โดยเสียไปเพียงแค่ 3 ประตู เก็บคลีนชีตถึง 4 ครั้ง ซึ่งคนบัญชาการแนวรับหงส์แดง คือ ฟาน ไดค์ คนนี้นี่เอง โดยทำสถิติเคลียร์บอลทิ้งถึง 26 ครั้ง และที่โดดเด่นกว่านั้นคือการเอาชนะการดวลลูกกลางอากาศถึง 29 หน
ไม่เพียงแต่จะทำผลงานในเกมรับอย่างสุดยอดเท่านั้น อดีตดาวเตะเซาธ์แฮมป์ตัน ยังเติมขึ้นไปซัดประตูได้ด้วย ในเกมบุกชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 ซึ่งถือเป็นประตูแรกของเขาในฤดูกาลนี้ด้วย
แบ็กซ้าย : แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (ลิเวอร์พูล)
ถึงแม้เดือนธันวาคมที่ผ่านมา โรเบิร์ตสัน จะไม่สามารถทำแอสซิสต์ได้แม้แต่ลูกเดียว แต่เรามองไม่เห็นเลยว่าจะมีแบ็กซ้ายคนไหน ที่จะเล่นได้ดีสม่ำเสมอไปกว่าดาวเตะทีมชาติสกอตแลนด์รายนี้อีกแล้ว
แบ็กซ้ายจอมขยันของทีมจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล ขึ้นชื่อเรื่องการวิ่งไล่เพรสซิ่งคู่แข่งแบบไม่รู้จักเหนื่อย และเติมเกมรุกแบบขึ้นสุดลงสุดตลอด
โดยในเกมแดงเดือดที่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เขาได้รับคำชมอย่างมากจาก โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือผีแดงที่โดนไล่ออกไปแล้ว โดยจ่ามูบอกว่า แค่เห็น โรเบิร์ตสัน วิ่งแค่คนเดียว ก็ทำให้ตัวเขารู้สึกเหนื่อยใจสุดๆ แล้ว ซึ่งในเกมนั้น โรเบิร์ตสัน เติมขึ้นไปสร้างโอกาสลุ้นประตูให้ทีมมากถึง 4 ครั้งเลยทีเดียว
ปีกขวา : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)
เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง ที่จะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนธันวาคมไปครอง จากผลงานสุดยอด ยิง 6 แอสซิสต์ 4 โดยทำแฮตทริกในเกมบุกถล่ม บอร์นมัธ 4-0 ก่อนจะทำผลงาน “ทั้งยิง ทั้งจ่าย” ได้ 3 นัดติดต่อกัน ในช่วง 3 เกมสุดท้ายของปี
จากผลงานยิงไปถึง 13 ประตู ในลีก 20 นัดแรก ทำให้ ซาลาห์ มีโอกาสดีที่จะลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดพรีเมียร์ลีก และผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ลิเวอร์พูล ต้นสังกัดของเขา มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นแชมป์
กองกลาง : ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ระเบิดฟอร์มระดับโลกออกมา 3 นัดติดต่อกัน นับตั้งแต่ โชเซ่ มูรินโญ่ ถูกปลดพ้นตำแหน่งกุนซือทีมปีศาจแดง ซึ่งแค่ผลงาน 3 นัดสุดท้ายของปีของ ป็อกบา ก็ทำให้เขาโดดเด่นกว่ากองกลางในลีกทุกคนได้แล้ว
จาก 12 ประตูที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงได้ใน 3 เกมแรกที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ คุมทีม กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ มีส่วนร่วมมากถึง 7 ประตู
เริ่มจากการทำแอสซิสต์ 2 ลูก นัดบุกยำ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 5-1, เหมาซัด 2 ลูก ในเกมชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 3-1 ก่อนจะร่ายฟอร์มพีคอีกครั้ง ด้วยการ ยิง 2 จ่าย 1 พาทีมถล่ม บอร์นมัธ 4-1 ในเกมส่งท้ายปี
กองกลาง : คริสเตียน เอริคเซ่น (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
เป็นกองกลางอีกคนที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นตลอดเดือน และมีส่วนกับประตูถึง 6 ลูก (ยิง 3 จ่าย 3) จากการลงสนาม 7 เกมในลีกเดือนที่ผ่านมา
เอริคเซ่น ทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในเกมเปิดบ้านเฉือน เบิร์นลี่ย์ 1-0 ก่อนจะโชว์การซัดสุดสวยจากนอกเขตโทษอีก 2 ครั้ง ในเกมบุกถล่ม เอฟเวอร์ตัน 6-2 และเกมเปิดบ้านยำ บอร์นมัธ 5-0
ปีกซ้าย : เอแด็น อาซาร์ (เชลซี)
เป็น “เดอะแบก” ในเกมรุกของต้นสังกัดอย่างแท้จริง เพราะจาก 10 ประตูที่ เชลซี ทำได้ในพรีเมียร์ลีกเดือนธันวาคม อาซาร์ มีส่วนโดยตรงมากถึง 8 ลูก (ยิง 3 แอสซิสต์ 5)
กัปตันทีมชาติเบลเยียม โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทำแอสซิสต์ทั้ง 2 ลูก ในนัดเปิดบ้านชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0, ทำผลงานทั้งยิงทั้งจ่าย นัดบุกชนะ ไบรท์ตัน 2-1 หรือการเหมายิงคนเดียว 2 ประตู ในเกมบุกเฉือน วัตฟอร์ด 2-1
กองหน้า : ซน ฮึง-มิน (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
สตาร์ดังทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ถูกจับไปเล่นเป็นกองหน้าคู่กับ แฮร์รี่ เคน ในระบบ 4-3-1-2 ในช่วงเดือนธันวาคม ทำผลงานอย่างสุดพีค เมื่อยิงได้ถึง 6 ประตู บวกกับอีก 3 แอสซิสต์ ถือว่ามีลุ้นตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนอีกคน ไม่แพ้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ เอแด็น อาซาร์
นัดที่ ซน โชว์ฟอร์มเข้าตากรรมการมีหลายนัดเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเกมบุกชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ที่ทำผลงานทั้งยิงทั้งจ่าย, นัดบุกถล่ม เอฟเวอร์ตัน 6-2 ที่เหมาซัดเบิ้ล และแอสซิสต์อีก 1 ลูก หรือเกมเปิดบ้านถล่ม บอร์นมัธ 5-0 ที่เจ้าตัวเหมายิงคนเดียว 2 ประตู
กองหน้า : แฮร์รี่ เคน (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
จาก 7 นัดที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก เดือนธันวาคม เคน มีชื่อทำประตูถึง 5 นัด และซัดรวมกันถึง 6 ประตู จนเกาะกลุ่มนำดาวซัลโวอย่างเหนียวแน่น
โดยในเกมส่งท้ายปี แม้ สเปอร์ส พลาดท่าแพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-3 แต่เกมนั้นดาวยิงกัปตันทีมชาติอังกฤษ ได้โชว์การซัดประตูระดับเวิลด์คลาส ด้วยการยิงไซด์โป้งด้วยซ้ายจากนอกกรอบ ส่งบอลโค้งเสียบเสาอย่างสุดงาม
ด้วยผลงานที่ยิงได้ต่อเนื่องเช่นนี้ เชื่อว่าเขาจะยิงได้เกิน 20 ประตูในลีก ได้เป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกันแน่ๆ
ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์ (ลิเวอร์พูล)
จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากกุนซือของทีมจ่าฝูง ที่พาทีมเก็บชัยชนะ 100% จากการลงเล่นเกมลีก 7 นัด ซึ่งทีมได้แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมทั้งเกมรับและเกมรุก เมื่อยิงไปถึง 23 ลูก เสียแค่ 3 ประตู ในเดือนธันวาคม
ในช่วงที่ คล็อปป์ รับตำแหน่งกุนซือทีมหงส์แดงใหม่ๆ เมื่อปี 2015 เขาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเขาได้คุมทีมจนถึงปีที่ 4 เขามั่นใจว่าจะต้องพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกได้สักสมัย ซึ่งด้วยผลงานสุดยอดที่ยังแพ้ใครไม่เป็นใน 20 เกมแรก ถือว่ามีโอกาสสูงมากๆ ที่เขาจะทำได้อย่างที่พูด