เผลอแปปเดียว ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่ ก็ฟาดแข้งกันมาร่วมเดือนแล้ว ซึ่งการลุ้นแชมป์ซีซั่นนี้ น่าจะสนุกมากขึ้นกว่าเดิม เพราะทีมดังๆ อย่าง เชลซี, ลิเวอร์พูล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พร้อมที่จะท้าชิงแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากขึ้น
ในเดือนสิงหาคม ซึ่งแต่ละทีมแข่งกันทีมละ 3 นัดเท่ากัน มีนักเตะหลายคนที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น แต่ในสายตาของทีมงาน Balltoro จะเลือกใครเป็น 11 นักเตะที่เด่นที่สุดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย…
ผู้รักษาประตู : นีล เอเธอริดจ์ (คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้)
นายด่านทีมชาติฟิลิปปินส์ กลายเป็นนักเตะอาเซียนคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้ลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีก แถมทำผลงานเด่นกว่า 2 นายทวารค่าตัวสถิติโลกอย่าง อาลีสซง เบ็คเกอร์ ของ ลิเวอร์พูล หรือ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ของ เชลซี เสียอีก
เอเธอริดจ์ เซฟจุดโทษจาก คัลลั่ม วิลสัน ได้ในเกมบุกแพ้ บอร์นมัธ 2-0 ในนัดเปิดสนาม ก่อนจะเก็บคลีนชีตได้ 2 เกมซ้อน จากการเสมอทั้ง นิวคาสเซิ่ล และ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ด้วยสกอร์ 0-0 ทั้ง 2 นัด
ส่วนสถิติการเซฟของ เอเธอริดจ์ ในการลงเฝ้าเสา 3 นัดในเดือนสิงหาคม เขาทำได้รวมกันถึง 9 ครั้ง เลยทีเดียว
แบ็กขวา : คีแรน ทริปเปียร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
ยกระดับกลายเป็นหนึ่งในแบ็กขวาที่มีลูกเซตพีซอันตรายที่สุดไปแล้ว สำหรับดาวเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้
ทริปเปียร์ โชว์การปั่นฟรีคิกสุดสวย ในเกมเปิดบ้านชนะ ฟูแล่ม 3-1 ในนัดที่สอง ก่อนจะเปิดลูกเตะมุมให้ แฮร์รี่ เคน โขกขึ้นนำ ในนัดบุกถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 โดยสร้างโอกาสทำประตูรวมกันถึง 5 ครั้ง จาก 2 นัดที่ลงสนามในเดือนสิงหาคม
เซนเตอร์แบ็ก : โจ โกเมซ (ลิเวอร์พูล)
จับคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้อย่างเหนียวแน่น และทำให้ทีมไม่เสียประตูในเกมลีกเลยตลอดเดือนสิงหาคม แถมยังทำสถิติเคลียร์บอลอันตรายทิ้งรวมกันถึง 13 ครั้ง และยืนตำแหน่งดักสกัดลูกกลางอากาศได้อย่างโดดเด่น
เรียกได้ว่าการเปลี่ยนตำแหน่งจากแบ็กขวา มายืนแนวรับตัวกลาง ทำให้ โกเมซ ได้โชว์ศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาได้อย่างแท้จริง
เซนเตอร์แบ็ก : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)
ยิ่งเล่นยิ่งคุ้มค่าตัวสถิติโลกของกองหลัง (75 ล้านปอนด์) มากขึ้นทุกที สำหรับเซนเตอร์แบ็กทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เจ้าของส่วนสูง 193 เซนติเมตรผู้นี้
ฟาน ไดค์ เอาชนะการดวลลูกกลางอากาศมากถึง 16 ครั้ง จาก 3 นัดที่ลงสนามเดือนที่ผ่านมา แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความนิ่งของเขา ทำให้เกมรับของทีมหงส์แดงแน่นอนสุดๆ จนไม่เสียประตูเลยใน 3 เกมแรกของฤดูกาล
แบ็กซ้าย : เบนฌาแม็ง เมนดี้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
แบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสทำแอสซิสต์ช่วยทีมไปแล้วถึง 4 ลูก จากการลงเล่นเต็มเกมครบทั้ง 4 นัดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ โดย 3 ลูกในนั้นเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม และแค่นัดเปิดซีซั่นที่บุกชนะ อาร์เซน่อล 2-0 เจ้าตัวก็เหมาจ่ายให้เพื่อนยิงได้ทั้ง 2 ลูก
นอกจากเกมรุกที่โดดเด่นแล้ว เมนดี้ ยังช่วยเกมรับทีมได้ดี ด้วยการทำสถิติเข้าปะทะสำเร็จไป 7 ครั้ง จาก 3 เกมในเดือนสิงหาคม
กองกลางตัวต่ำ : จอร์จินโญ่ (เชลซี)
กองกลางทีมชาติอิตาลี เจ้าของค่าตัว 50 ล้านปอนด์ เข้ามาทำให้เกมของ เชลซี ลื่นไหลต่อเนื่องขึ้นกว่าฤดูกาลที่แล้วอย่างชัดเจน หลังรับบทบาทเป็นตัวเชื่อมเกมต่ำที่สุดในแผงมิดฟิลด์ และทำสถิติผ่านบอลมากที่สุดในลีก 3 นัดแรกถึง 338 ครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัดบุกชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1 เขาผ่านบอลมากถึง 173 ครั้ง และมีเปอร์เซ็นต์แม่นยำสูงเหลือเชื่อถึง 91.3%
นอกจากนี้ ดาวเตะวัย 26 ปีก็ประเดิมประตูแรกให้ต้นสังกัดใหม่ไปแล้วด้วย หลังจากรับหน้าที่ยิงจุดโทษอย่างเหนือชั้น ในเกมบุกชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 3-0
ปีกขวา : ลูคัส มูร่า (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
เปรียบได้กับการเซ็นสัญญาใหม่ของ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่ทำผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไร ตอนที่ย้ายมาจาก เปแอสเช เมื่อเดือนมกราคม แต่ 3 เกมแรกของซีซั่นนี้ สตาร์ทีมชาติบราซิลยิงไปแล้ว 3 ลูก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลงานเหมา 2 ประตูในนัดบุกชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-0 ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถือเป็นเกมมาสเตอร์พีซเลยก็ว่าได้
จอมทัพ : โรเบร์โต้ เปเรย์ร่า (วัตฟอร์ด)
ที่ วัตฟอร์ด ทำสถิติชนะ 100% ได้อีกทีมในเดือนสิงหาคม แน่นอนว่าคนที่เด่นที่สุดของทีมแตนอาละวาด คือดาวเตะอาร์เจนไตน์วัย 27 ปีคนนี้
เปเรย์ร่า เหมาคนเดียว 2 ลูกในนัดเปิดฤดูกาล พาทีมเปิดบ้านชนะ ไบรท์ตัน 2-0 ก่อนจะเป็นคนซัดเบิกร่องอีกลูก ในเกมเฉือน คริสตัล พาเลซ 2-1 ซึ่งถ้าหากไม่มี 3 ประตูของเขา วัตฟอร์ด จะทำแต้มหายไปแล้วถึง 4 แต้ม
ฤดูกาลที่แล้ว เขายิงทั้งซีซั่นไป 5 ลูก และจากการที่เหลือเกมให้เล่นอีกตั้ง 30 กว่านัด โอกาสที่ เปเรยร่า จะยิงได้ถึงหลัก 10 ลูกก็ถือว่ามีสูงไม่น้อย
ปีกซ้าย : ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล)
กลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูล ที่ยิงให้ทีมในนัดเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกได้ 3 ซีซั่นติดต่อกัน โดยฤดูกาลนี้ เขาเหมา 2 เม็ดพาทีมหงส์แดงถล่ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 4-0
จากนั้น ดาวเตะทีมชาติเซเนกัลสานต่อฟอร์มร้อนแรงด้วยการยิงบุกฝัง คริสตัล พาเลซ 2-0 ทำให้เขาทำไป 3 ประตูในเดือนที่ผ่านมา ก่อนจะออกสตาร์ทเดือนกันยายน ด้วยการยิงเบิกร่องใส่ เลสเตอร์ ซิตี้ อีก
กองหน้า : เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่
กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำแฮตทริกได้ในฤดูกาลนี้ ในนัดที่พา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านถล่ม ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 6-1
แม้นัดอื่นๆ “เอล กุน” จะโยนโอกาสทองทิ้งไปบ้างในช่วงต้นซีซั่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าตัวยังเป็นหัวหอกที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก และยังเป็นตัวเลือกแรกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยากจะใช้งานก่อน กาเบรียล เชซุส
กองหน้า : คัลลั่ม วิลสัน (บอร์นมัธ)
แม้จะเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงจุดโทษพลาดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ในนัดเปิดสนามที่เจอ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ แต่ผลงานของดาวยิงวัย 26 ปีในเดือนสิงหาคม ก็โดดเด่นจน แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องเรียกตัวไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่แล้ว
วิลสัน ยิง 1 จ่าย 1 ในนัดเปิดซีซั่นที่ บอร์นมัธ เอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ 2-0 ก่อนจะบวกสกอร์เพิ่มอีกลูก นัดบุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1
ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์ (ลิเวอร์พูล)
แม้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จะคู่ควรกับตำแหน่งนี้เช่นกัน หลังพา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ชนะรวด 3 นัด แต่ในฐานะที่ คล็อปป์ พาทีมหงส์แดงออกสตาร์ทพรีเมียร์ลีกด้วยการชนะ 3 เกมแรกแบบไม่เสียประตูอยู่ทีมเดียว และนำจ่าฝูงแบบหล่อๆ ทำให้เราต้องยกรางวัลนี้ให้กุนซือชาวเยอรมันมากกว่า
คล็อปป์ ค้นพบ 11 คนแรกที่ดีที่สุดอย่างชัดเจน ซึ่งฤดูกาลนี้บอกเลยว่าพวกเขาพร้อมลุ้นแชมป์เต็มตัว เพราะแนวรุกยังน่ากลัวเหมือนเดิม ส่วนเกมรับแน่นขึ้นมากจากการได้ อาลีสซง เบ็คเกอร์ มาเฝ้าเสา และมี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปักหลักในแผงหลังแบบเต็มๆ ฤดูกาล