8 กุนซือที่มีประวัติคว้าแชมป์รายการใหญ่ และตอนนี้กำลังว่างงานอยู่
แฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั่วโลกที่ต้องการเห็น โชเซ่ มูรินโญ่ ถูกปลดออกจากตำแหน่งกุนซือผีแดง กำลังมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผลงานของทีมรักย่ำแย่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว และดูไม่มีวี่แววว่าจะท้าชิงแชมป์กับคู่แข่งสำคัญได้เลยในซีซั่นนี้
ถ้าหาก มูรินโญ่ ต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งกลางคันจริงๆ มาดูกันว่า ณ เวลานี้ มีใครที่พร้อมมารับงานคุมทีมทันที โดยไม่ติดสัญญากับทีมไหนบ้าง?
ซีเนดีน ซีดาน
แชมป์เด่นๆ : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย, ลา ลีกา 1 สมัย, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2 สมัย
นี่คือคนที่แฟนผีแดงอยากได้มาเป็นโค้ชคนใหม่ของพวกเขามากที่สุด เพราะนอกจากจะโปรไฟล์สุดหรู ด้วยการคว้าแชมป์ UCL 3 สมัยซ้อนแล้ว เขายังเป็นโค้ชที่ทำทีมด้วยการไม่เน้นเสริมทัพด้วยดาวดัง และเน้นเกมรุกด้วย
ซีดาน เพิ่งตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเฮดโค้ชของ เรอัล มาดริด แบบช็อคโลกหลังจบฤดูกาลล่าสุด เพราะมองว่าทีมราชันชุดขาวที่เขาใช้งานมานานหลายปี จะทำผลงานในระดับสูงได้ไม่เหมือนเดิม
ซึ่งกระแสข่าวตอนนี้ อดีตเพลย์เมกเกอร์ระดับตำนานทีมชาติฝรั่งเศส ก็ดูจะสนใจมาหาความท้าทายใหม่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อยู่ด้วยเช่นกัน
อาร์แซน เวนเกอร์
แชมป์เด่นๆ : พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 7 สมัย, ลีก เอิง 1 สมัย
ย้อนไปในช่วงปี 2001-2002 อาร์แซน เวนเกอร์ คือหนึ่งในตัวเต็งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการนำมาคุมทีมแทนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ประกาศว่าปีนั้นจะเป็นปีสุดท้ายที่เขาจะคุมทีมปีศาจแดง
จนกระทั่งป๋าเฟอร์กี้เปลี่ยนการตัดสินใจ อยู่คุมทีมต่ออีกถึง 11 ปี การที่ เวนเกอร์ จะมาเป็นนายใหญ่แห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จึงไม่เคยเกิดขึ้น
แม้จะโดนแฟนบอลของ อาร์เซน่อล โห่ไล่ตลอดช่วงหลายปีหลัง จนต้องตัดสินใจประกาศอำลาทีมเองเมื่อช่วงจบซีซั่นที่ผ่านมา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า กุนซือเฟร้นช์แมนคนนี้ คือโค้ชที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทัพ เดอะ กันเนอร์ส หลังคุมทีมเก่านานถึง 22 ปี
จนป่านนี้ยังไม่มีใครหน้าไหนทำสถิติพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่าย ที่เขาทำได้เมื่อปี 2004 และถือเป็นราชาของถ้วย เอฟเอ คัพ ตัวจริง
เวนเกอร์ ซึ่งปัจจุบันอายุ 68 ปี ยังไม่ได้คอนเฟิร์มว่าเขาจะวางมือจากอาชีพคุมทีม แต่ปัญหาก็คือ คนที่เคยคุม อาร์เซน่อล นานกว่า 2 ทศวรรษ จะกล้ารับงานคุมหนึ่งในทีมคู่ปรับตลอดกาลหรือเปล่าเท่านั้น และบอร์ดบริหารผีแดง จะไว้ใจคนแก่อยู่หรือไม่?
อันโตนิโอ คอนเต้
แชมป์เด่นๆ : กัลโช่ เซเรีย อา 3 สมัย, พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย
เพิ่งถูก เชลซี ปลดออกจากตำแหน่งกุนซือในช่วงปรีซีซั่น เพื่อเปิดทางให้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เข้ามาแทน หลังจากมีปัญหากับบอร์ดบริหารอยู่พักใหญ่ ตั้งแต่ช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา
คอนเต้ ถือเป็นกุนซือที่การันตีความสำเร็จได้คนหนึ่ง เพราะ 2 ปีที่เขาทำงานในอังกฤษ เขานำถ้วยแชมป์เข้าสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ทั้ง 2 ปี แม้รูปแบบการเล่นที่เน้นระบบหลัง 3 อาจจะไม่โดนใจแฟนผีแดงมากก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ผลงานที่เคยพา เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016-17 ด้วยสถิติชนะมากถึง 30 นัด ก่อนโดนทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โค่นสถิติลงได้เมื่อฤดูกาลล่าสุด (ชนะ 32 นัด) ถือว่าเป็นตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน หากจะมีทีมไหนสักทีมต้องการโค้ชคนใหม่
เคลาดิโอ รานิเอรี่
แชมป์เด่นๆ : พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, โกปา เดล เรย์ 1 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย
กุนซือวัย 66 ปีอาจไม่เป็นที่ยอมรับฝีมือมากนักในวงการ แต่เมื่อปี 2016 เขาได้สร้างปาฏิหาริย์ให้กลายเป็นจริง ด้วยการทำให้ทีมเต็งตกชั้นอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลถัดจากนั้นที่ทีมจิ้งจอกสยามต้องรับมือกับโปรแกรมฟุตบอลยุโรป เขากลับพาทีมทำผลงานย่ำแย่ สุ่มเสี่ยงที่จะตกชั้น จึงโดนปลดออกจากตำแหน่งกลางอากาศ แล้วเป็น เคร็ก เชคสเปียร์ ที่ขึ้นคุมทีมแทน
ล่าสุด “เดอะ ทิงเกอร์แมน” กำลังว่างงาน เพราะเพิ่งโดน น็องต์ ทีมใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หลังไม่อาจพาทีมทำอันดับไปลุยฟุตบอลยุโรปได้
โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ
แชมป์เด่นๆ : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย
กุนซือชาวอิตาเลียน คือผู้จัดการทีมเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของ เชลซี ที่พาทีมได้แชมป์ยุโรปเมื่อปี 2012 แต่ว่าเขาไม่ได้รับงานคุมทีมมานานเกือบ 2 ปี หลังโดน แอสตัน วิลล่า ปลดออกจากตำแหน่งในเดือนตุลาคม 2016
ดิ มัตเตโอ เคยทำให้เห็นมาแล้วว่าการรับตำแหน่งกลางคันระหว่างฤดูกาล โดยไม่มีโอกาสเซ็นสัญญากับใครเข้ามาใหม่ ไม่ใช่ปัญหาในการพาทีมประสบความสำเร็จในระยะเวลาสั้นๆ
โดยในปี 2012 เขาพาทีมได้แชมป์ทั้ง เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยทีมชุดเดียวกับที่ อันเดร วิลลาช-โบอาช ใช้งาน แล้วผลงานย่ำแย่
แต่ถ้าหวังผลงานดีต่อเนื่องระยะยาวในเกมลีก เขาอาจไม่ตอบโจทย์ตรงนี้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะฤดูกาล 2011-12 เขาไม่อาจพา เชลซี พลิกสถานการณ์จบซีซั่นในอันดับท็อปโฟร์ ส่วนฤดูกาล 2012-13 ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
ขณะที่ซีซั่น 2014-15 ที่ไปคุม ชาลเก้ 04 ในบุนเดสลีกา ก็ทำให้ทีมหลุดจากตำแหน่งท็อปโฟร์ อดไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย
โลร็องต์ บล็องก์
แชมป์เด่นๆ : ลีก เอิง 4 สมัย, เฟร้นช์ ลีก คัพ 4 สมัย, เฟร้นช์ คัพ 2 สมัย
อดีตกองหลังทีมชาติฝรั่งเศส ที่เคยค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นาน 2 ปี (2001-2003) ยังไม่ได้ไปคุมทีมไหนอีกเลย นับตั้งแต่โดน เปแอสเช ปลดออกจากตำแหน่งแบบไม่แฟร์เท่าไรนัก หลังจบซีซั่น 2015-16
บล็องก์ ซึ่งเคยพา บอร์กโดซ์ ได้แชมป์ ลีก เอิง เมื่อปี 2009 สามารถพาทีมดังของปารีสได้แชมป์ลีก 3 ปีติดต่อกันในช่วงที่เขาคุมทีม แถมยังผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ อูไน เอเมรี่ ยังทำไม่ได้
และจากการที่เคยมีสายสัมพันธ์กับทีมปีศาจแดงอยู่บ้าง การจะกลับมาสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้งในฐานะกุนซือ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
อันเดร วิลลาช-โบอาช
แชมป์เด่นๆ : ยูโรปา ลีก 1 สมัย, ลีกโปรตุเกส 1 สมัย, โปรตุกีส คัพ 1 สมัย, รัสเซียน พรีเมียร์ลีก 1 สมัย
กุนซือหนุ่มชาวโปรตุกีสวัยเพียง 40 ปี ยังไม่ได้รับงานคุมทีมไหนอีกเลย นับตั้งแต่ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ทีมยักษ์ใหญ่ของจีน เมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา
วิลลาช-โบอาช ซึ่งแจ้งเกิดจากการพา เอฟซี ปอร์โต้ คว้าทริปเปิลแชมป์ในปี 2011 เคยมีประสบการณ์คุมทีมในพรีเมียร์ลีกมาแล้วกับ เชลซี และ สเปอร์ส จึงไม่ใช่ของใหม่สำหรับฟุตบอลอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังๆ เขาเริ่มหันไปเอาดีในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ต แม้จะมีข่าวลือว่าถูก เรอัล มาดริด ทาบทามไปคุมในช่วงที่ ซีเนดีน ซีดาน อำลาทีมใหม่ๆ แต่สุดท้ายตำแหน่งนั้นก็ตกเป็นของ ยูเลน โลเปเตกี และเขาก็ยังไม่ได้กลับมาทำงานโค้ชอีกจนถึงตอนนี้
กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส
แชมป์เด่นๆ : ยูโรปา ลีก 1 สมัย, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย, โปรตุกีส ลีก คัพ 1 สมัย
กุนซือชาวสแปนิช กำลังว่างงานหลังโดน เอสปันญ่อล ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ผลงานในอดีตของเขาถือว่ามีฝีมือมากพอตัว
ฟลอเรส คือคนที่พา แอตเลติโก มาดริด ได้แชมป์ ยูโรปา ลีก ครั้งแรกเมื่อปี 2010 โดยที่รับตำแหน่งคุมทีมตราหมีในช่วงกลางซีซั่นนั้นด้วย
นอกจากนี้ กุนซือวัย 53 ปียังเคยพา วัตฟอร์ด ทำผลงานได้ดีในช่วงครึ่งซีซั่นแรก ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-16 ซึ่งตอนนั้น เขาคุมทีมแตนอาละวาดที่เพิ่งเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเกาะกลุ่มบนของตาราง แต่มาเสียที่ฟอร์มแผ่วในช่วงคริสต์มาสจนถึงครึ่งฤดูกาลหลัง ทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งได้แค่ปีเดียว