Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2

Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2
Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2

5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกม เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ นัดที่ทีมชาติไทย เปิดบ้านชนะ อินโดนีเซีย 4-2

ถือเป็นเกมที่สนุกสุดมันส์สมใจแฟนบอลจริงๆ สำหรับศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 นัดที่ 2 ของ ทีมชาติไทย ที่เปิดบ้านเอาชนะ อินโดนีเซีย 4-2 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

แม้จะมีจุดน่าห่วงพอสมควร คือมีช่วงที่ปล่อยให้ อินโดนีเซีย บุกกดดันจนเสียเตะมุมติดๆ กัน และต้องเสียประตูให้คู่แข่งก่อน รวมไปถึงการเสียสมาธิช่วงท้ายเกม จนสกอร์ที่นำห่าง 4-1 กลายเป็นจบที่ 4-2 และเกือบต้องเสียประตูมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้น ผลการแข่งขันนัดนี้ ก็ยังมีจุดที่น่าพอใจมากกว่าอยู่ดี

และนี่คือ 5 เรื่องดี ที่สังเกตได้จากนัดนี้ และน่าจะทำให้แฟนบอลไทยเชียร์ทีมชาติอย่างมีความสุขมากขึ้น…

“กรกช” แทน “โก๋อุ้ม” แบบเพอร์เฟ็กต์

Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2
Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2

แบ็กซ้ายตัวเลือกอันดับหนึ่งของทีมชาติไทยอย่าง ธีราทร บุญมาทัน ไม่สามารถมาช่วยทีมได้ตลอดศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ หนนี้ เพราะติดภารกิจรับใช้ต้นสังกัดอย่าง วิสเซล โกเบ ในช่วงโค้งสุดท้ายของเจลีก

ก่อนหน้านี้ ผู้เล่นที่ มิโลวาน ราเยวัช เลือกใช้งานเป็นแบ็กซ้ายบ่อยที่สุดคือ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา เพราะมีหลายนัดที่จับเอา ธีราทร ไปเล่นในแดนกลาง และหากโก๋อุ้มไม่พร้อมลงเล่น “เจ้าบาส” ก็จองแบ็กซ้ายก่อนคนอื่น

อย่างไรก็ตาม จากผลงานที่ยอดเยี่ยมสม่ำเสมอตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา กรกช วิริยอุดมศิริ แบ็กซ้ายจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลายเป็นผู้ที่ถูกเลือก และ พีระพัฒน์ ที่ฟอร์มดร็อปลงไปต้องหลุดจากทีมแทน

2 นัดในศึก ซูซูกิ คัพ 2018 ดาวเตะจากทีมแชมป์ไทยลีกมีส่วนกับการได้ประตูทั้ง 2 นัด โดยเกมก่อนก็เปิดลูกเตะมุมอย่างแม่นยำให้ อดิศักดิ์ ไกรษร โขกใส่ ติมอร์ เลสเต ส่วนเกมล่าสุดสร้างความฮือฮาเข้าไปใหญ่ เมื่อทำประตูแรกในนามทีมชาติจากการ “ยิงลูกเตะมุมเข้าไปเลย”

นอกจากนั้นแล้ว ช่วงท้ายครึ่งแรก ลูกเปิดฟรีคิกของ กรกช ก็กดดันให้แนวรับอินโดนีเซียเล่นผิดพลาด ก่อนที่ พรรษา เหมวิบูลย์ จะเป็นคนซัดให้ทีมแซงนำ 2-1 ก่อนพักครึ่ง

ถ้าจะบอกว่า “เจ้ามิ้ง” คือคนสร้างจุดเปลี่ยนให้ทีมช้างศึกพลิกจากตามหลังกลับมาคว้าชัย ก็ไม่ผิดนัก และด้วยฟอร์มแบบนี้ ต่อให้ ธีราทร บุญมาทัน กลับมาช่วยทีมอีกครั้งในศึก เอเชียน คัพ 2019 ก็ไม่แน่ว่าจะเบียดแย่งตำแหน่งคืนจาก กรกช ได้หรือไม่ เพราะทีเด็ดลูกเซตพีซไม่เป็นรองกันเลย

“สรรวัชญ์” รักษามาตรฐานดีต่อเนื่อง

Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2
Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2

เจ้าของตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมชนะอินโดนีเซีย 4-2 คือ สรรวัชญ์ เดชมิตร กองกลางจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

“เจ้าแคมป์” ถือเป็นผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีมากๆ ในรอบปีที่ผ่านมา แต่ได้รับคำชมไม่มากนัก ซ้ำยังโดนแฟนบอลโจมตีว่าไม่สมควรเป็นตัวจริงด้วยซ้ำ ซึ่งอาจเป็นเพราะสไตล์การเล่นที่ไม่หวือหวา

แต่จริงๆ แล้ว ดาวเตะเจ้าของวลีเด็ดชวนแฟนบอลไทยเข้าไปเชียร์ที่ราชมังว่า “เข้ามาด่าผมก็ได้” รายนี้ คือคนที่ทำให้การเดินเกมแดนกลางไหลลื่น ด้วยการจ่ายบอลอย่างมีประสิทธิภาพ และมีทีเด็ดที่การวางบอลยาวสวยๆ หลายครั้ง

นัดล่าสุด สรรวัชญ์ เอาตัวรอดได้ดีแม้จะถูกแข้งทีมเยือนเพรสซิ่งหนักๆ พอสมควร ก่อนจะทำแอสซิสต์ที่ 4 ของตัวเองในศึกชิงเจ้าอาเซียนปีนี้ ด้วยการไหลทะลุช่องให้เพื่อนซี้ร่วมสังกัดอย่าง ปกเกล้า อนันต์ หลุดไปยิงประตู 4-1 อย่างสวยงาม

ศิวรักษ์ อย่างเซฟ

Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2
Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2

แม้จะมีหลุดสมาธิเล็กน้อย จนเสียประตูที่ 2 ในช่วงท้ายเกม แต่ฟอร์มของ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายด่านจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ลงเฝ้าเสาให้ทีมชาติไทยเมื่อคืนนี้ ถือว่าช่วยเซฟลูกสำคัญๆ จากการโจมตีของ อินโดนีเซีย หลายต่อหลายครั้ง

ศิวรักษ์ ทำสถิติเซฟไปถึง 6 ครั้ง ในเกมดับทัพอิเหนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะหลุดเดี่ยวของ สเตฟาโน่ ลิลิปาลี่ ในครึ่งแรก จอมหนึบจากทีมปราสาทสายฟ้า รีบออกมาปิดมุมได้ไว และทำให้บอลแฉลบเขาออกหลังแบบรอดเสียประตูอย่างเหลือเชื่อ

นอกจากนั้นแล้ว หลังจากไทยเสียประตูที่ 2 ศิวรักษ์ ก็มีจังหวะโดดเซฟมหัศจรรย์ถึง 2 ครั้งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ชัยชนะด้วยสกอร์ห่าง 2 ประตูยังคงเป็นของเรา โดยไม่เสียแต้มไปไหน

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกมรับของทีมช้างศึกต้องจูนกันโดยด่วน เพราะเห็นได้ชัดเจนว่ามีปัญหาในการป้องกันลูกเซตพีซ ซึ่ง 2 ประตูที่ อินโดนีเซีย ได้ในเกมนี้ ก็มีจุดเริ่มจากจังหวะเตะมุมทั้งสิ้น

AK9 จองดาวซัลโว!!

Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2
Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2

หลังจากสร้างปรากฏการณ์ด้วยการซัดคนเดียว 6 ประตูพาทีมถล่ม ติมอร์ เลสเต 7-0 ในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ล่าสุด อดิศักดิ์ ไกรษร ก็มีชื่อพังประตูต่อเนื่องอีกนัด เมื่อซัดประตูที่ 3 ให้ทีม และถือเป็นประตูที่ 7 ในทัวร์นาเมนต์นี้ของ AK9

โอกาสที่หัวหอกจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จะคว้าดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์นี้มีสูงมากๆ เพราะนอกจากจะใช้เวลาเพียง 2 นัดในการยิง 7 ลูกแล้ว นักเตะทีมอื่นๆ ในทัวร์นาเมนต์ ยังไม่มีใครยิงได้มากกว่า 3 ประตู เลย

นอกจากนั้นแล้ว อดิศักดิ์ ยังเตรียมกลายเป็นนักเตะไทยที่ยิงในศึก ซูซูกิ คัพ 1 สมัยได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์แต่เพียงผู้เดียวด้วย หากทำประตูได้อีกในเกมใดเกมหนึ่งของโปรแกรมที่เหลือ หลังปัจจุบันเขาซัดเทียบเท่า เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ อดีตหัวหอกตำนานของไทย ที่เคยยิงได้ 7 ลูกเมื่อปี 1996 (สมัยนั้นชื่อรายการว่า ไทเกอร์ คัพ) ไปแล้ว

โดย “เจ้ากอล์ฟ” ยังมีลุ้นเป็นนักเตะที่ยิงประตูในศึก อาเซียน คัพ 1 สมัยได้มากที่สุดอีกด้วย โดยเจ้าของสถิติยังเป็น นอร์ อลัม ชาห์ อดีตกองหน้าทีมชาติสิงคโปร์ ที่ทำได้ 10 ประตู เมื่อปี 2007

แฟนบอลไทยแน่นสนามอีกครั้ง!!

Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2
Fact หลังเกม : 5 เรื่องน่าชื่นใจ จากเกมไทยทุบอินโดสุดมันส์ 4-2

ย้อนไปเมื่อสัปดาห์ก่อนนัดที่ ทีมชาติไทย ชนะ ติมอร์ เลสเต 7-0 ถือว่ามีแฟนบอลค่อนข้างน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะนัดดังกล่าวมีผู้ชมในสนามแค่ 8,000 กว่าคน เท่านั้น ทั้งที่ความจุสนม จริงๆ แล้วสามารถรับความจุได้มากถึงเกือบ 5 หมื่นคน

แต่เกมที่ทีมช้างศึกเปิดบ้านอัด อินโดนีเซีย 4-2 สถิติผู้ชมพุ่งสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเกือบ 5 เท่า เมื่อมีแฟนบอลเข้าสนามมากถึง 37,570 คน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้แฟนบอลเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าเพราะเป็นเกมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ขณะที่นัดพบ ติมอร์ แข่งกันในวันศุกร์ ทำให้หลายคนติดธุระ ไม่สะดวกไปที่สนาม

เพราะฉะนั้น นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ที่ ไทย จะพบ สิงคโปร์ ที่ ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายนนี้ เชื่อว่าแฟนบอลคงจะไปให้กำลังใจทีมชาติไทยของเราอีกมากแน่นอน