Fact หลังเกม : 4 จุดเห็นชัดหลัง เชียงราย ประเดิมพ่าย เมลเบิร์น วิคตอรี่ 0-1 ใน ACL 2020

Fact หลังเกม : เมลเบิร์น วิคตอรี่ 1-0 เชียงราย
Fact หลังเกม : เมลเบิร์น วิคตอรี่ 1-0 เชียงราย

4 จุดที่เห็นได้ชัดจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด หลังเกมที่บุกแพ้ เมลเบิร์น วิคตอรี่ 0-1 ในนัดประเดิมสนาม ACL 2020

จบลงไปแบบน่าเจ็บใจเหมือนกันสำหรับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2020 รอบแบ่งกลุ่ม หลังบุกพ่าย เมลเบิร์น วิคตอรี่ 0-1 พลาดเก็บแต้มแรกในเวทีเอเชียอย่างน่าเสียดาย

เอาเข้าจริงต้องยอมรับว่า “กว่างโซ้งมหาภัย” ก็ทำผลงานกันได้ดีทีเดียวจะมีจุดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นที่พลาดจนพ่ายแพ้ไปในที่สุด

และนี่คือ 5 จุดที่เราเห็นชัดๆ หลังเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา!!

 

บิลล์ โรซิมาร์ ต้องมีคู่หู

บิลล์ โรซิมาร์ โดดเดี่ยว
บิลล์ โรซิมาร์ โดดเดี่ยว

บิลล์ โรซิมาร์ ในวัย 35 ปีที่ใครๆ อาจมองว่าหมดไฟแล้ว แต่หากใครได้ดูเหมเมื่อวานนี้ นี่คือนักเตะที่อันตรายสุดๆ ของ เชียงราย

บิลล์ อาศัยรูปร่างสูงใหญ่ บวกกับความสามารถเฉพาะตัวเก็บบอล ครองบอล ได้ชนิดที่ว่านักเตะไซส์ยุโรปยังเบียดไม่เข้าเลย แถมยังเรียกฟาล์วให้ทีมไปถึง 3 ครั้งด้วย

แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อถึงจังหวะสุดท้ายที่ บิลล์ พาบอลไปได้แล้ว กลับไม่มีคู่หูที่จะคอยซัพพอร์ตนั่นแหละสำคัญจริงๆ ลองคิดดูเล่นๆ หาก บิลล์ มีเพื่อนรู้ใจที่เซนส์ทันกันอีกสันคนเมื่อวานนี้ เชียงราย อาจมีแต้มกลับบ้านก็ได้

“อาเฟย” โดดเด่น

ศิวกรณ์ โดดเด่น
ศิวกรณ์ โดดเด่น

 

หากจะหานักเตะที่เรามองว่าโดดเด่นสุดๆ ของ เชียงราย เมื่อคืนที่ผ่านมานอกจาก บิลล์ โรซิมาร์ ก็ต้องยกให้ ศิวกรณ์ เตียตระกูล นี่แหละ

เขาคือหัวใจในการเริ่มสร้างเกมของทีมเลยก็ว่าได้ “เฟย” เป็นนักเตะไม่กี่คนในทีมที่กล้าเลี้ยง กล้าแหวก และที่สำคัญมีลูกตั้งเตะที่อันตรายสุดๆ ทั้งยิงฟรีคิก หรือเปิดลูกเซ็ตพีซให้เพื่อน

ตลอดทั้งเกมเมื่อวานนี้ ศิวกรณ์ ดวลตัวต่อตัวชนะคู่แข่งไปถึง 8 ครั้งมากสุดในทีม และมีเปอร์เซ็นจ่ายบอลแม่นยำถึง 83.3%

เห็นได้ชัดเลยว่า “เฟย” ถูกขยับไปทั่วทั้งสนามไม่ว่าจะเป็นริมเส้น มิดฟิลด์ตัวรุก หรือจะเป็นตัวโฮลด์บอลช่วงท้ายเกมก็ทำได้ดีเหมือนกัน

 

แนวรับยังต้องปรับเยอะ

แนวรับเชียงรายยังต้องปรับ
แนวรับเชียงรายยังต้องปรับ

 

นี่เป็นจุดที่ต้องเร่งปรับด่วน หากหวังไปไกลใน acl หากใครได้ดูเกมจะเห็นชัดเลยว่า แนวรับเชียงราย มีข้อบกพร่องมากพอสมควร

เริ่มตั้งแต่ ธนะศักดิ์ ศรีใส ที่มีจังหวะฟาล์วแบบไม่จำเป็นนักเช่นลูกที่เสียจุดโทษ ที่แม้จะแทบไม่มีส่วนกับลูกบอล แต่เอาเข้าจริงก็ไม่น่าพลาดไปดึงก่อน 

นอกจากนี้ยังมีจังหวะเข้าหนักๆ หรือแม้กระทั่งคุมอารมณ์ไม่อยู่จนมีเล่นนอกเกมให้เห็นอีก บางทีหากมี VAR ให้ผู้ตัดสินเช็คมากกว่านี้เขาอาจจะไม่โชคดีขนาดนี้ก็ได้ (สถิติส่วนตัวถือว่าดี เข้าปะทะ 2 ครั้ง, ตัดบอล 6 ครั้ง)

ส่วนในรายของ ศราวุธ อินแป้น ถือว่าเขาเป็นคนที่ดูจะมีจังหวะสกัดบอลพลาดมากสุดในแนวรับ อาจเพราะนี่คือครั้งแรกที่ได้เล่นในรายการใหญ่แบบนี้ นอกจากนั้นการจ่ายบอลที่ดูจะทำให้เพื่อนเล่นยากไปหน่อย ซึ่งนี่ก็สำคัญต่อการตั้งเกมแดนกลางด้วย

ด้าน บรินเนอร์ ซานโต๊ส นี่คือแนวรับที่ดูจะทำผลงานได้ดีที่สุด แต่ในแง่ภาพรวมก็ยังไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก ซึ่งนี่น่าจะเป็นจุดที่ มาซามิ ทากิ ต้องรีบแก้ให้ไวที่สุดก่อนลงประเดิมไทยลีก 2020 และกลับมาเล่นนัดที่ 2 ในวันอังคารหน้าด้วย

 

ระบบเพรสซิ่งดี

นี่คือจุดโดดเด่นของ เชียงราย ในยุคนี้เเลยก็ว่าได้ เพราะนับตั้งแต่การมาของเฮดโค้ชญี่ปุ่นอย่าง มาซามิ ทากิ ดูเหมือนเขาจะนำระบบเพรสซิ่ง และต่อบอลกับพื้นมาใช้เป็นหลัก แถมให้โอกาสนักเตะหลายคนขึ้นมาด้วย

ตลอดทั้งเกมเราจะเห็นนักเตะเชียงราย ไล่บี้ตั้งแต่แดนบนทำเอาเมลเบิร์น วิคตอรี่ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เรามักจะฉกฉวยโอกาสตรงนั้นไว้ไม่ได้

แต่ก็นะด้วยประสบการณ์ที่ กว่างโซ้งมหาภัย มีน้อยกว่าเยอะ เราทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีในระดับนึงแล้ว และแน่นอนด้วยศักยภาพแบบนี้ 

หากเก็บข้อบกพร่องมาแก้ไขต่อไป หาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ACL 2020 ได้ก็คงไม่แปลกเหมือนกัน!!