ขอบอกเลยว่า สรรพคุณของกองหน้าอนาคตไกลที่เราจะบรรยายต่อจากนี้ จะทำให้แฟนบอลพรีเมียร์ลีก ต้องอิจฉาทีมเรือใบสีฟ้ากันเป็นแถว ที่ได้ของดีระดับนี้ไปเสริมทัพ!!
และสุดท้ายในปี 2013 ก็เซ็นสัญญาเข้าเป็นนักเตะในทีมเยาวชนของ พัลไมรัส ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรที่โด่งดังที่สุดของประเทศบราซิล
กลายเป็นขวัญใจของ พัลไมรัส อย่างรวดเร็ว
เพียงแค่ปีแรกที่เล่นให้กับทีมเยาวชนของ พัลไมรัส เขาก็ระเบิดฟอร์มถล่มประตูไปถึง 54 ลูก จากการลงสนามเพียง 48 นัด พร้อมคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของทีมชุดเล็ก และได้รับสัญญาเป็นนักเตะอาชีพฉบับแรกทันทีจากสโมสรในปีถัดมา
ในปี 2014 เฮซุส ถูกขยับขึ้นไปเล่นในทีมระดับอายุไม่เกิน 17 ปี และงัดฟอร์มเทพยิงไปอีก 37 ประตู จาก 22 นัด ในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์เยาวชนของรัฐเซา เปาโล ก่อนถูกเลื่อนขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่จนได้ในปี 2015
กาเบรียล เฮซุส กลายเป็นตัวนำโชคของ พัลไมรัส อย่างแท้จริง เพราะเขาช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ทั้งฟุตบอลถ้วย และฟุตบอลลีกของแดนแซมบ้า ตลอด 2 ปีที่เล่นให้ทีมชุดใหญ่ (2015-2016) และยิงให้สโมสรไป 28 ประตู จากการลงเล่น 83 นัด รวมทุกรายการ
2016 : ปีสุดพีคในชีวิตค้าแข้ง
หลังจากคว้าแชมป์ โกปา โด บราซิล ซึ่งเป็นแชมป์รายการใหญ่ครั้งแรกในชีวิตเมื่อปี 2015 ต้องบอกเลยว่า ปี 2016 คือปีที่ กาเบรียล เฮซุส พบเจอกับเรื่องที่ดีที่สุดตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพมา
จากผลงานโดดเด่นสม่ำเสมอ ช่วงกลางปีเขาได้เซ็นสัญญากับทีมใหญ่แห่งยุคอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพื่อได้ร่วมงานกับหนึ่งในโค้ชที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดยอยู่ช่วยต้นสังกัดเดิมไปก่อนอีกครึ่งปี
และแม้ว่าเวลากับทีมเดิมจะนับถอยหลัง แต่เขากลับเป็นตัวหลักพา พัลไมรัส คว้าแชมป์ บราซิล เซเรีย อา หนแรกในรอบ 22 ปี จากผลงาน ยิง 12 จ่าย 5 พร้อมติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกด้วย
แต่ที่พีคไปกว่านั้นก็คือ เป็นปีที่เขาถูกจับตามองให้เป็นตัวแทนของประเทศชาติ
เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูก คาร์ลอส ดุงก้า เรียกตัวติดทีมชุด โกปา อเมริกา เซนเตนาริโอ 2016 แต่ว่ามีปัญหาเรื่องวีซ่า ทำให้ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเจ้าภาพได้ จึงพลาดโอกาสลงโชว์ตัวในรายการดังกล่าว ที่ บราซิล ตกรอบแรกอย่างน่าเสียดาย+
อย่างไรก็ตามในศึก โอลิมปิก เกมส์ 2016 ที่บราซิลรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ เฮซุส ก็ช่วยให้ทัพเซเลเซาคว้าเหรียญทองฟุตบอลชายที่รอคอยมานานได้สำเร็จ จากการประสานงานกับ กาเบรียล บาร์โบซ่า และสตาร์อันดับหนึ่งของประเทศอย่าง เนย์มาร์ แบบเข้าขา
โดยทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ดาวรุ่งวัย 19 ปี ยิงไป 2 ประตู หนึ่งในนั้นคือประตูสำคัญในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มกับ เดนมาร์ก ที่บราซิลต้องชนะสถานเดียว
ผลงานโดดเด่นในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ นำพาให้เขาก้าวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ที่มี ตีเต้ คุมทัพ และยึดตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าใน 11 คนแรกได้ทันที
หลังจากประเดิมยิง เอกวาดอร์ ตั้งแต่เกมแรกที่รับใช้ชาติ เฮซุส ลงสนามต่อเนื่องอีก 5 นัด โดยบราซิลชุดใหญ่มีสถิติ ชนะ 100% ถ้าวางเขาลงล่าประตู จนนำโด่งเป็นจ่าฝูง ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ ณ เวลานี้
แถมฟอร์มการเล่นของว่าที่ดาวยิง แมนฯ ซิตี้ ก็ร้ายไม่เบา เมื่อ ยิง 4 จ่าย 3 แถมเรียกจุดโทษให้ทีมได้อีก 1 ลูก จากการเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ 6 เกม ที่ผ่านมา
สไตล์การเล่นว่ากันว่าถอดแบบ “โล้นทองคำ”
กาเบรียล เฮซุส ถูกสื่อต่างประเทศตั้งฉายาว่าเป็น “The Next Ronaldo” เมื่อมีลีลาการเล่นคล้ายกับ โรนัลโด้ ตำนานกองหน้าทีมชาติบราซิล
แม้แต่ตัวเจ้าของฉายา “โล้นทองคำ” เองยังเคยเอ่ยชมรุ่นน้องร่วมชาติรายนี้ ผ่านการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของบราซิลเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว ด้วยตัวเองเลยว่า
“ผมเป็นแฟนของ กาเบรียล เลย เมื่อได้ดูเขาเล่น และเห็นตัวเองตอนหนุ่มๆ ในตัวเขา”
“ผมรู้สึกว่าระหว่างเรา มันมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกันมาก”
ที่จริงนอกจากจะยิงประตูเฉียบคม จนถูกยกให้เป็น “โรนัลโด้คนต่อไป” แล้ว เฮซุส ยังถูกบางสื่อเรียกว่า “นิว เนย์มาร์” ด้วย เพราะสามารถฉีกตัวเองไปเล่นริมเส้น แล้วกระชากปั่นป่วนฟูลแบ็กฝั่งตรงข้ามได้เช่นกัน
จากเว็บไซต์ Sofifa ซึ่งมีการประเมินค่าพลังของนักเตะ โดยพิจารณาจากฟอร์มการเล่นในสนามจริงถือว่าจุดเด่นที่สุดของดาวรุ่งรายนี้ คือความเร็วที่หาตัวจับยาก
ส่วนเรื่องการจบสกอร์นั้น แม้ว่า Sofifa จะตีค่าให้แค่ 73 แต่สถิติการยิงประตูในสนามจริงของ เฮซุส ถือว่าไม่เบาเลย
ในศึก คัดบอลโลก 2018 โซนอเมริกาใต้ เขายิงเข้ากรอบถึง 6 ครั้ง จากการยิงรวมกัน 14 หน เท่ากับว่าค่าเฉลี่ยทุกๆ การยิง 2.3 หน จะต้องทำให้นายประตูคู่แข่งออกแรงเซฟ หรือไม่ก็หมดสิทธิ์ป้องกัน
และการยิงได้ถึง 4 ประตู จากโอกาสยิง 6 ครั้ง ดังกล่าว ถือว่าค่าเฉลี่ยโอกาสยิงตรงกรอบแล้วได้ประตูมีสูงถึง 66.67%
ช่วยให้เป๊ปจัดทีมได้หลายแผน
ตำแหน่งถนัดของ เฮซุส คือ กองหน้าตัวเป้า เหมือนที่เล่นให้กับทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ และ พัลไมรัส ตลอดปี 2016 ที่ผ่านมา
แต่จากการที่มีความเร็วจัดจ้าน และชอบฉีกออกด้านข้าง ถือว่าเขาน่าจะทำได้ดีเช่นกัน หากต้องรับบทกองหน้าตัวริมเส้น
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะสามารถจัดทีมในระบบ 4-2-3-1 โดยให้ อเกวโร่ ถอยลงไปยืนหน้าต่ำเหมือนช่วงที่ย้ายไปเล่นในอังกฤษใหม่ๆ แล้ววาง เฮซุส ยืนค้ำหน้าสุด หรือจะเล่น 4-4-2 ไปเลยก็ไม่มีปัญหา
นอกจากนั้น การวางกองหน้า 3 คน ไม่ว่าจะเป็นแผน 3-4-3 หรือ 4-3-3 ก็น่าสนใจเช่นกัน โดยที่ อเกวโร่ กับ เฮซุส พร้อมสลับตำแหน่งกันได้ตลอด เหมือนที่ดาวดังแซมบ้าสลับตำแหน่งกับ เนย์มาร์ ในทีมชาติบราซิลได้เรื่อยๆ จนคู่แข่งรับมือไม่อยู่
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เพิ่งย้ายออกจากบราซิลไปค้าแข้งในยุโรปเป็นครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อย ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่ เฮซุส จะแจ้งเกิดได้ทันที
แต่ด้วยวัยแค่ 19 ปี ถือว่ายังมีเวลาอีกมากให้เจ้าของเสื้อเบอร์ 33 คนใหม่ของ แมนฯ ซิตี้ ได้ปรับตัว เหมือนอย่างที่ เลรอย ซาเน่ ต้องรอโอกาสในซีซั่นนี้ แม้จะย้ายจาก ชาลเก้ มาด้วยค่าตัวถึง 37 ล้านปอนด์ ก็ตาม
จาก “ของ” ที่ กาเบรียล เฮซุส มีอยู่ รับประกันได้เลยว่า แฟนบอลพรีเมียร์ลีกจะต้องทึ่งกับฝีเท้าเจ้าหนูรายนี้แน่!!
ทีมงาน Balltoro ขอน้อมเกล้า ถวายความอาลัย ส่งเสด็จองค์ภูมินทร์ สู่สวรรคาลัย ท่านจะอยู่ในดวงใจปวงชนชาวไทยตลอดไป
_____________________
Balltoro ตัวจริงด้านสถิติฟุตบอล ไม่ใช่แค่รู้แต่ต้องลึก จับประเด็นสำคัญ จับแทคติกการเล่น ให้คุณสนุกกับการดูบอลมากกว่าที่เคยเป็น ติดตามความเคลื่อนไหวทั้ง ข่าวบอลไทย ข่าวพรีเมียร์ลีก ลา ลีกา และลีกดังมากมาย
