เกมใหญ่กลางสัปดาห์!! ส่อง 5 เรื่องน่าจับตาดู เชลซี บู๊ สเปอร์ส คืนนี้

นายด่านทีมชาติสเปน เจ้าของสถิติผู้รักษาประตูค่าตัวแพงที่สุดในโลก เพิ่งโดนสโมสรสั่งปรับค่าเหนื่อย 1 สัปดาห์ จากพฤติกรรมไม่เหมาะสมดังกล่าว แม้ว่าทั้ง เกปา และ ซาร์รี่ จะออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันหลังจบเกมล่าสุดว่า ทั้ง 2 คนเข้าใจผิดกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันแต่อย่างใดก็ตาม

แต่เชื่อว่าเบื้องลึก เกปา ต้องมีปัญหากับทีมไม่น้อยแน่ๆ ซึ่ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ เพิ่งออกมาเผยเมื่อคืนวันอังคารว่า เขาจะให้นักเตะในทีมเป็นคนตัดสินใจเอง ว่าจะยังไว้ใจให้นายด่านรายนี้ทำหน้าที่ในเกมกับไก่เดือยทองหรือไม่

2. กุนซือสองฝั่งจะวางแผนมาแบบไหน

เมาริซิโอ ซาร์รี่ ยังคงโดนจ้องจับผิด จากการวางแท็กติกเดิมๆ คือ 4-3-3 และยังคงไม่ยอมเปลี่ยนตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวต่ำสุดจาก จอร์จินโญ่ เป็นคนอื่น ซึ่งช่วงหลัง เขาโดนคู่แข่งจับทางได้แทบทุกนัด

แม้จะมีการพยายามสลับใช้ เอแด็น อาซาร์ ไปยืนกองหน้าตัวเป้าแบบ “ฟอลส์ ไนน์” บ้าง โดยไม่ได้ยึดติดกับการใช้ศูนย์หน้าอาชีพ แต่รูปแบบการเซตเกมของ เชลซี ก็ยังคงเน้นเคาะบอลไปมาเหมือนเดิม

เชื่อว่า ซาร์รี่ จะยังคงใช้แผน 4-3-3 เหมือนเดิม แต่แค่รอดูว่าจะส่ง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงมายืนกองหน้าตัวเป้าตั้งแต่ต้นเกมหรือไม่ และจะเรียกตัว มาร์กอส อลอนโซ่ กลับมาประจำการแบ็กซ้ายหรือเปล่า หลังดาวเตะสแปนิชไม่มีส่วนร่วมกับเกมนัดชิง คาราบาว คัพ เมื่อวันอาทิตย์

ขณะที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นายใหญ่ของไก่เดือยทอง ช่วงหลังสลับกันใช้แผน 4-3-1-2 กับระบบหลังสาม ทว่าแผน 3-5-2 ของเขา เพิ่งทำให้ทีมออกไปโดน เบิร์นลี่ย์ เฉือนชนะมา 2-1 เมื่อสุดสัปดาห์ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนให้เห็นก็ได้ในคืนนี้ เพราะเกมที่ สเปอร์ส เปิดบ้านชนะ เชลซี 3-1 ในเลกแรก “พอช” ก็ใช้แผน 4-3-1-2

3. สเปอร์ส จะยังคง “เสมอไม่เป็น” หรือไม่?

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นเพียงทีมเดียวใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปฤดูกาลนี้ ที่ยังไม่เคยเสมอ โดยจาก 27 เกมพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา ไก่เดือยทองทำผลงาน ชนะ 20 เสมอ 7

สถิติที่น่าสนใจก็คือ สเปอร์ส คือทีมที่ชนะนอกบ้านในลีกซีซั่นนี้มากที่สุด (11 นัด) และหากเกมนี้พวกเขาบุกคว้า 3 แต้มได้ จะเป็นการเอาชนะ เชลซี แบบไปกลับได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกด้วย หลังจากช่วงต้นซีซั่น พวกเขาเปิดบ้านชนะมาได้ก่อน 3-1

สำหรับครั้งสุดท้ายที่คู่นี้เสมอกัน คือเดือนพฤษภาคม 2016 โดยเจ๊ากันไป 2-2 ทั้งที่ สเปอร์ส อุตส่าห์บุกนำก่อน 2 ประตู และนั่นคือเกมที่ทำให้พลพรรคคลับไก่ ต้องหมดลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015-16 อย่างเป็นทางการ

4. เชลซี ลุ้น “ไม่แพ้บิ๊กซิกซ์ครบทุกทีม” ในบ้าน

แม้ผลงานช่วงหลังของ เชลซี จะไม่ค่อยน่าไว้ใจ แต่สถิติของพวกเขาในการลงเจอทีมใหญ่ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ถือว่าทำได้ดีมากๆ โดยสามารถเอาชนะ อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่การเจอกับ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็สามารถคว้าผลเสมอได้สำเร็จ

นี่จะเป็นเกมบิ๊กแมตช์ในบ้านตัวเอง นัดสุดท้ายในฤดูกาลนี้ สำหรับทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก่อนที่จะต้องไปเยือน ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงท้ายฤดูกาล

หาก ซาร์รี่ พาทีมเก็บแต้มได้สำเร็จ จะทำให้นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่ เชลซี ไม่แพ้เกมลีกให้ทีมในกลุ่มบิ๊กซิกซ์คาบ้านตัวเองเลย นับตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15

5. สถานการณ์บนตารางคะแนนหลังจบเกม

บรรดาทีมในกลุ่ม “บิ๊กซิกซ์” จะลงเตะในคืนวันพุธทั้งหมด ซึ่งผลการแข่งขันของคู่นี้ จะต้องส่งผลกับการลุ้นแชมป์ หรือไม่ก็อันดับ 4 แน่

สเปอร์ส ที่รั้งอันดับ 3 อาจจะนำ อาร์เซน่อล, แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี ค่อนข้างห่าง แต่ถ้าหากไก่เดือยทองพลาดท่าแพ้ขึ้นมา จะยิ่งทำให้การเบียดแย่งอันดับ 4 ยิ่งเข้มข้นกว่าเดิมหลายเท่า เพราะทีมปืนใหญ่ และผีแดง ก็กำลังทำผลงานในลีกกันได้ดี ส่วน เชลซี เองก็มีโปรแกรมในมือเหลืออีกนัด

ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่ทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโปรแกรมง่าย ได้เล่นในบ้านเจอทีมไม่แข็งเท่าไรในคืนนี้ นั่นหมายความว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จำเป็นต้องพยายามนำทีมชนะให้ได้ หากต้องการเป็นม้ามืดลุ้นแชมป์ต่อไปยาวๆ

สำหรับ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ต้องห้ามนำทีมสิงห์บลูส์แพ้คารัง เพราะนอกจากจะทำให้ไม่สามารถขยับพ้นอันดับ 6 ได้แล้ว ยังอาจทำให้ตัวเขาโดนเด้งพ้นตำแหน่งกุนซืออีกด้วย