โคตรเกมแห่งซีซั่น!! 5 เหตุผล ห้ามพลาดชมบุนเดสคู่หยุดโลก เสือใต้ ปะทะ เสือเหลือง
5 เหตุผลที่ห้ามพลาดชมบิ๊กแมตช์บุนเดสลีกา บาเยิร์น มิวนิค พบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
คู่เอกประจำฟุตบอลยุโรปสุดสัปดาห์นี้ หนีไม่พ้นบิ๊กแมตช์บุนเดสลีกา นัด “แดร์ คลาสสิเกอร์” ระหว่างแชมป์เก่า บาเยิร์น มิวนิค กับจ่าฝูงอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งถือเป็นโปรแกรมนัดที่สำคัญที่สุดของฤดูกาลเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งเสือใต้และเสือเหลือง ต่างเบียดลุ้นแชมป์กันอย่างสูสีสุดๆ ในตอนนี้
บอกเลยว่า คอลูกหนังไม่ควรพลาดลุ้นเกมนัดนี้อย่างเด็ดขาด จาก 5 เหตุผลสำคัญต่อไปนี้…
1. มีตำแหน่งจ่าฝูงเป็นเดิมพัน
จากการที่สุดสัปดาห์ก่อน บาเยิร์น มิวนิค พลาดสะดุด ทำได้แค่บุกเสมอ ไฟร์บวร์ก 1-1 ส่วน ดอร์ทมุนด์ มาได้ 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เอาชนะ โวล์ฟสบวร์ก 2-0 ทำให้ทีมเสือเหลืองพลิกสถานการณ์กลับมานำจ่าฝูงอีกครั้ง ด้วยการทิ้งห่างทีมเสือใต้ 2 แต้ม
นั่นหมายความว่า ถ้าหากทีมของ นิโก้ โควัช ต้องการทวงจ่าฝูงคืนในสัปดาห์นี้ พวกเขาต้องเปิดบ้านเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลให้ได้สถานเดียวเท่านั้น
แต่หาก ดอร์ทมุนด์ คว้าแต้มกลับออกไปได้ จะทำให้โอกาสคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเยอรมนีเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ยิ่งสดใสมากขึ้น เพราะโปรแกรมในช่วงท้ายฤดูกาล บาเยิร์น ดูจะต้องเจองานหนักมากกว่า ต้องบู๊กับทั้ง แวร์เดอร์ เบรเมน, แอร์เบ ไลป์ซิก และ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต ขณะที่เสือเหลือง เหลือโปรแกรมพบทีมหัวตาราง แค่การเจอกับ เบรเมน และ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เท่านั้น
2. คู่นี้มักยิงกันสนั่นจอ

4 นัดหลังสุดที่คู่นี้พบกันในบุนเดสลีกา มีประตูรวมกันถึง 20 ลูก โดยไม่มีเกมไหนสกอร์รวมน้อยกว่า 4 ลูก โดยหนล่าสุดที่เจอกันที่บ้านของ ดอร์ทมุนด์ เมื่อช่วงต้นซีซั่น เป็นทีมเสือเหลืองที่เปิดบ้านชนะไปได้แบบสุดมันส์ 3-2
ที่น่าสนใจก็คือ การเจอกันที่บ้านของ บาเยิร์น มิวนิค ในบุนเดสลีกา 3 ฤดูกาลหลังสุด ทีมเสือใต้ยิงได้นัดละไม่ต่ำกว่า 4 ประตูตลอด แต่ปีนี้ทั้ง 2 ทีมดูจะมาตรฐานสูสีกันมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา จึงน่าจับตาดูว่า ดอร์ทมุนด์ จะสร้างปัญหาอะไรได้บ้าง เมื่อต้องเล่นเป็นทีมเยือน
3. วัดกันว่าใครคือดาวซัลโวตัวจริง
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จอมถล่มประตูทีมชาติโปแลนด์ของ บาเยิร์น มิวนิค อาจจะนำดาวซัลโวเดี่ยวบุนเดสลีกาอยู่ ณ ตอนนี้ แต่หากนับค่าเฉลี่ยประตูต่อนาที ต้องบอกเลยว่า ปาโก้ อัลกาเซร์ หัวหอกสแปนิชของ ดอร์ทมุนด์ มีสถิติที่ดีกว่าอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟอร์มในตอนนี้ถือว่าเข้าฝักทั้งคู่ โดย เลวานดอฟสกี้ ยิงไปถึง 8 ประตู ให้ต้นสังกัด จาก 6 นัดหลังสุด รวมทุกรายการ ส่วน อัลกาเซร์ ก็ซัดไป 4 ประตู ในรอบ 3 นัดหลัง
อย่างไรก็ตาม “เลวาน” มีสถิติที่น่ากลัวมาก ในการลงสนามเจอทีมเก่า เพราะนับตั้งแต่ย้ายข้ามฟากจาก ดอร์ทมุนด์ มาค้าแข้งกับ บาเยิร์น เขายิงใส่ทีมเสือเหลืองไปถึง 12 ประตู จากการลงสนาม 9 นัด ในบุนเดสลีกา โดยไม่เคยมีฤดูกาลไหน ที่เขายิงประตูไม่ได้ หากทีมเสือใต้ได้เล่นในบ้านด้วย
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า อัลกาเซร์ ก็เป็นคนทำประตูชัยสุดเหนือชั้น พา ดอร์ทมุนด์ ชนะ 3-2 ในการเจอกันหนล่าสุดมาแล้ว ทำให้การวัดความคมกันของสองคนนี้ ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของเกมแน่นอน
โดยนอกจาก เลวานดอฟสกี้ และ อัลกาเซร์ แล้ว ยังมี มาร์โค รอยส์ อีกคน ที่เป็นแคนดิเดตลุ้นดาวซัลโว จากการยิงในลีกไปแล้ว 15 ลูก ในฤดูกาลนี้
4. ยลฟอร์ม “ซานโช่”
ถ้าจะบอกว่า จาดอน ซานโช่ ปีกวันเดอร์คิดทีมชาติอังกฤษของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มน่าฮือฮาที่สุดคนหนึ่งของยุโรปในฤดูกาลนี้ก็คงไม่ผิดนัก หลังจากกลายเป็นผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดใน 5 ลีกดังยุโรป (13 ลูกในบุนเดสลีกา) แถมยิงเองไปอีกถึง 8 ประตู
ความสุดยอดของ ซานโช่ ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล็อกเป้าเขาเป็นเป้าหมายเสริมทัพอันดับหนึ่งในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยพร้อมทุ่มเงินล่าตัวไปร่วมทีม ในราคาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์ และเกมใหญ่แบบนี้นี่แหละ ที่จะทำให้เราได้ยลฟอร์มของเจ้าหนูรายนี้เต็มๆ ตา ว่าเป็น “ของจริง” หรือไม่
3 นัดหลังสุด ที่ดาวเตะวัย 19 ปีรายนี้ ลงเล่นให้ทั้ง ดอร์ทมุนด์ และทีมชาติ เขาทำแอสซิสต์ได้ทุกนัด จ่ายให้เพื่อนยิงรวมกันถึง 4 ลูก และนี่คือคีย์แมนอีกคนของแนวรุกเสือเหลืองอย่างไม่ต้องสงสัย
5. สะดวกต่อการรับชม
คู่นี้จะเริ่มคิกออฟเวลา 23.30 น. คืนวันเสาร์ ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งถือว่าไม่ดึกมากนัก ประกอบกับวันถัดไปก็ยังเป็นวันหยุด แถมยังมีฟรีทีวีอย่างช่อง PPTV ถ่ายทอดสดให้ชมกันอีกต่างหาก
และจากการที่สัปดาห์นี้ ลีกที่แฟนบอลให้ความสนใจมากที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีก ไม่มีคู่ใหญ่ในคืนวันเสาร์ ก็ยิ่งทำให้คอบอลตัดสินใจเลือกโฟกัสเกมคู่นี้เป็นหลัก ง่ายขึ้นไปอีก
การที่ บาเยิร์น มิวนิค เจอ ดอร์ทมุนด์ โดยที่เป็นเกมที่มีผลสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ ถือว่าเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพราะหลายปีที่ผ่านมา ทีมเสือใต้มักผูกขาดการลุ้นแชมป์ไว้แทบจะทีมเดียว
ดังนั้น เมื่อฤดูกาลนี้ ทีมเสือเหลืองยกระดับขึ้นมาพร้อมชิงแชมป์เต็มตัว จึงทำให้ศึก “แดร์ คลาสสิเกอร์ 2019” ยิ่งไม่ควรพลาด ด้วยประการทั้งปวง!!