5 จุดที่ต้องพูดถึงหลังเกม ทีมชาติไทย แพ้ อุซเบกิสถาน 0-1 จ่อร่วงเอเชียนเกมส์ 2018
เป็นอีกเกมที่ทำให้แฟนบอลไทยผิดหวังอยู่เหมือนกัน หลัง ทีมชาติไทย แพ้ อุซเบกิสถาน 0-1 ทำให้ลงเล่น เอเชียนเกมส์ 2018 ไป 3 นัด มีแค่ 2 คะแนนเท่านั้น
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือถูก บังกลาเทศ แซงคว้ารองแชมป์กลุ่มเข้ารอบต่อไปซะอย่างงั้น
แม้ ทัพช้างศึก U23 จะยังไม่ตกรอบอย่างเป็นทางการ เพราะยังมีโควตาอันดับ 3 ที่ดีที่สุดเข้ารอบต่อไปอีก 4 ทีม แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าการมีแค่ 2 คะแนน กับประตู -1 เป็นงานที่ยากสุดๆ
และนี่คือ 5 เรื่องที่ต้องพูดถึงในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา!!
ศุภชัยไม่ดีตรงไหน
ก่อนเกมจะเริ่มมีกระแสข่าวมากมายว่า ศุภชัย ใจเด็ด ที่ซัดคนเดียว 2 ประตูจาก 2 นัดแรก ช่วยเซฟให้ ทีมชาติไทย มี 2 คะแนนถึงตอนนี้น่าจะได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงสักที
แต่แล้วเมื่อรายชื่อออกมา “เจ้าอาร์ม” ก็ยังต้องรอโอกาสต่อไปในม้านั่งสำรองต่อไปเป็นเกมนัดที่สาม
และก็ชัดเจนเลยว่าตลอด 45 นาทีแรก ทัพช้างศึก แทบจะไม่มีโอกาสบุกขึ้นไปทำประตูได้เลย โดยเฉพาะหน้าเป้าอย่าง เจนรบ สำเภาดี แทบจะถูกตัดออกไปจากเกมเลยก็ว่าได้
แม้จะส้ง ศุภชัย ลงมาในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ก็ทำให้แฟนบอลอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไม่ส่งงเป็นตัวจริงสักทีทั้งที่ทีมต้องการชัยชนะนัดนี้เหบือเกิน
เช่นเดียวกับแนวรับการส่ง ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ ลงในนัดนี้เขามีจังหวะสกัดบอลช่วยทีมสวยๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งต่างกับสองนัดแรกที่แทบจะไม่เห็นผลงานเช่นนี้จากเซ็นเตอร์ตัวจริงเลย
บางทีการมี ปวีร์ ตั้งแต่นัดแรก เราอาจจะไม่ต้องเจอสถานการณ์ที่ลำบากแบบนี้ก็ได้ และหากมีโอกาสเข้ารอบต่อไปจริง “โค้ชโย่ง” คงต้องให้ 2 คนนี้เป็นตัวจริงได้สักที
ต้องชนะแต่ไม่บุก!!
นัดนี้คือเกมที่ ทีมชาติไทย ต้องเน้นมากๆ เพื่อชัยชนะ และการันตีเข้ารอบต่อไปให้ได้ แต่กลายเป็นว่ารูปเกมเราก็ไม่ได้ต่างจาก 2 เกมแรกเอาซะเลย
เมื่อ ทัพช้างศึก ก็ยังคงเล่นแบบเนือยๆ ไม่ช่วยกันไล่ ไม่ช่วยกันทำเกมรุก ปล่อยให้เพื่อนโดดเดี่ยวเกินไปโดยเฉพาะเวลาทำเกมขึ้นไปกดดันแนวรับ อุซเบกิสถาน
เอาเข้าจริงเป็น อุซเบฯ ที่แม้จะเข้ารอบไปแล้ว และส่งตัวสำรองลงเพียบ กลับครองเกมได้มากกว่าแท้ๆ
ยิ่งท้ายเกมยิ่งชัดเลยว่าเด็กไทย บุกไม่ขึ้นหนักกว่าเดิม และดูเหนื่อยๆ ไล่บอลไม่ไหวกันอีกต่างหาก
หยุดบอลไดเร็คไม่ได้
ด้วยรูปร่างที่เหนือกว่าอย่างมากของ อุซเบกิสถาน ทำให้พวกเขาน่าจะเลือกเล่นบอลโยนเพื่อโจมตีแนวรับไทย
และมันก็เป็นจริง แต่ทีมแชมป์เอเชีย U23 ไม่ได้ใช้การโยนเพื่อโหม่งโดยตรง แต่เป็นการวางยาวข้ามแนวรับไทยเพื่อให้แนวรุกทำเกม
ซึ่งก็ได้ผลดีสุดๆ จนนำมาซึ่งประตูขึ้นนำสุดสวยในช่วงต้นครึ่งแรกอย่างที่เราได้เห็นกัน
หลังจากนั้นเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาก็ยังใช้สูตรเดิมๆ และก็ได้ผลเกือบทุกครั้งเพียงแค่จบไม่เป็นสกอร์เท่านั้น
เปลี่ยนตัวไม่สู้
น่าแปลกที่ “โค้ชโย่ง” ไม่รีบเปลี่ยนตัวตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง ทั้งที่ ทีมชาติไทย เป็นฝ่ายตามหลัง และต้องการตีเสมอเพื่อโอกาสเข้ารอบที่แน่นอนกว่านี้
กว่าจะเปลี่ยน ศุภชัย ใจเด็ด ลงมาก็ต้องรอจนถึงช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายนู้นเลย แถมเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งต่อตำแหน่งอีกต่างหาก
ทั้งที่จริงๆ แล้วเวลานี้ต้องใส่หน้าคู่เพื่อเปิดเกมบุกใส่ อุซเบกิสถาน เช่นเดียวกับการส่ง มนตรี พรหมสวัสดิ์ และ ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ก็เป็นการเปลี่ยนตำแหน่งเดียวกันอีกเหมือนเดิม
แต่ดันเก็บทั้ง พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล กับ นพพล พลคำ ที่เป็นกลางรับทั้งคู่ไว้ ทั้งๆ ที่หากสลับเป็นใครสักคนในนี้ ก็จะทำให้ผู้เล่นแนวรุกไทย มีมากกว่านี้ และบางทีก็อาจสร้างโอกาสได้ดีกว่านี้ก็ได้
หรืออีกในแง่นึงทีมงานอาจดูสกอร์คู่นู้นก่อนจบแล้วว่าน่าจะออกมาเสมอกันที่ 0-0 ทำให้การรั้งผลที่แพ้เพียงลูกเดียวก็น่าจะเพียงพอต่อการเข้ารอบต่อไป
แต่โชคดันไม่เข้าข้างเมื่อ บังกลาเทศ กลับพลิกนรกเข้ารอบ โดยที่ไม่มีโอกาสให้ ทีมชาติไทย ได้แก้ตัวเลย
เป็นรองอุซเบจริงๆ
แน่นอนว่าการพบกับทีมแชมป์เอเชีย U23 ทีมล่าสุดใครๆ ก็ต้องมองว่าเป็นงานหนักของ ทีมชาติไทย แน่ๆ
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะขนาด อุซเบกิสถาน มีการโรเตชั่นเพื่อพักตัวหลักบางคน แต่พวกเขาก็เหนือว่าเราแทบทุกอย่าง
ทั้งการครองบอลที่ 60-40% หรือจะเป็น โอกาสยิงที่ 11-5 ครั้ง รวมทั้งการเล่นกับลูกบอลที่พวกเขามีเวลารวมๆ มากถึง 33 นาทีเลยทีเดียว (ไทย 22 นาที)
นอกจากนี้เราต้องยอมรับเลยว่า ทัพช้างศึก U23 เป็นรองอุซเบทั้งด้าน ทักษะ ความสามารถเฉพาะตัวที่เจอกัน 1 ต่อ 1 เราโดนหลอกหลุดหมด
รวมทั้งความแข็งแกร่งที่เบียดสู้ไม่ได้ และที่สำคัญคือระบบการเล่นที่เราแทบจะไม่ได้ทำเกมรุกใส่ให้พวกเขาต้องเหนื่อยเลย
แน่นอนว่าการที่ ทีมชาติไทย แพ้ อุซเบกิสถาน 0-1 ในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่ได้เสียกหายเลยหากมองถึงคุณภาพของทั้งสองทีม
แต่เราก็ต้องย้อนไปถึง 2 เกมก่อนหน้านี้ทั้ง กาตาร์ และ บังกลาเทศ ที่ ทัพช้างศึก ควรที่จะคว้าชัยได้อย่างยิ่ง และไม่ต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้
ตอนนี้เราก็ทำได้แค่ภาวนา และหวังพึ่งชาติอื่นๆ ให้อันดับสามของกลุ่มอื่นๆ ที่จะลงเล่นกันในวันนี้มีแต้มน้อยกว่า 2 คะแนน
หรือหากแต้มเท่ากัน ก็ขอให้ประตูได้เสียมากกว่า -1 ซึ่งแม้มันจะยาก แต่เราก็ขอรอลุ้นจนกว่า ทีมชาติไทย จะตกรอบ เอเชียนเกมส์ 2018 อย่างเป็นทางการแล้วกัน!!