5 จุดเด่น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เกมบุกชนะ เจจู ยูไนเต็ด 1-0 พร้อมคว้าตั๋วลุยรอบ 16 ทีมสุดท้าย ACL 2018
เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับวงการฟุตบอลไทยจริงๆ หลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกชนะ เจจู ยูไนเต็ด ได้ถึงเกาหลีใต้ 1-0
พร้อมทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 ในฐานะรองแชมป์กลุ่มจีตาม กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ที่คว้าแชมป์กลุ่มไปครอง
นอกจากนั้นสามแต้มในเกมนี้ถือเป็นเป็นครั้งแรกที่ทีมจากไทยบุกคว้าชัยถึงแดนโสมขาวได้ด้วย
และนี่คือ 5 จุดเด่นของ ทัพปราสาทสายฟ้า ที่ทำให้พวกเขาได้ลุยรอบน็อคเอาท์ได้อีกครั้ง!!
ตูเญซคัมแบ็กอย่างแจ่ม!!
ชัดเจนเลยว่าการได้ อันเดรส ตูเญซ กลับมาคุมเกมรับอีกครั้ง หลังนัดที่แล้วที่เปิดบ้านเสมอ กว่างโจว 1-1 แนวรับตัวเก่งพลาดลงสนามจากอาการบาดเจ็บ
ซึ่งเกมบุกชนะ เจจู เมื่อคืนนี้ ตูเญซ มีสถิติผ่านบอลสำเร็จ 73.1 % แถมมีจังหวะตัดบอล 1 ครั้ง ที่สำคัญเขาเคลียร์บอลช่วยทีมได้มากถึง 12 ครั้ง
ถึงตอนนี้แนวรับชาวเวเนซูเอลาคือ นักเตะที่เคลียร์บอลมากสุดใน ACL2018 แล้วด้วยจำนวน 53 ครั้ง
แม้ว่าเกมนี้ บุรีรัมย์ จะปรับมาใช้กองหลัง 2 คน แต่ดาวเตะวัย 31 ปีก็ยังรักษามาตรฐานได้ดีเหลือเกิน ถึงตอนนี้บอกเลยว่าแนวรับเซราะกราวขาด ตูเญซ ไม่ได้เลยจริงๆ!!
ทีเด็ดลูกริมเส้น!!
ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ใน ACL 2018 อย่างแท้จริงสำหรับเกมรุกริมเส้น หลังเมื่อวานนี้ก็ได้เห็นการประสานของของแบ็กขวา ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่ปาดข้ามไปให้แบ็กซ้ายอย่าง กรกช วิริยะอุดมศิริ ซัดประตูชัย
และหากดูจริงๆ 7 ประตูในรอบแบ่งกลุ่มของทีมจ่าฝูงไทยลีก มีมากถึง 5 ลูกเปิดจากด้านข้างเข้าในให้เพื่อนเข้าทำประตู
โดยเฉพาะ กรกช เรียกได้ว่าพีคสุดๆ หลังคว้าแมน ออฟ เดอะแมตช์ เกมดังกล่าวไปครอง พร้อมมีส่วนร่วมกับจังหวะได้ประตูไปถึง 3 ประตูในรอบแบ่งกลุ่มเลยทีเดียว
นอกจากนั้นชื่อของ เจ้ามิงค์ ยังติด Top 4 แข้งที่ครอสบอลเยอะที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มนี้ด้วย
ดิโอโก้ ยังไว้ใจได้เสมอ
ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต แทบจะเป็นนักเตะบุรีรัมย์ คนเดียวที่สามารถปั่นป่วนแนวรุกคู่แข่งได้ทุกนัด
แม้เกมเมื่อคืนดาวยิงแซมบ้าจะสร้างโอกาสให้กับทีมไปเพียงครั้งเดียว แต่ต้องยอมรับเลยว่าจังหวะประตูชัยก็ได้เขานี่แหละตอกส้นสุดเหนือชั้นให้ ศศลักษณ์ รับบอลไปแอสซิสต์ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ดิโอโก้ ยังสามารถลงมาเชื่อมเกมแดนกลาง เพื่อพาบอลรุกขึ้นไปอีกบ่อยครั้ง แถมยังเรียกฟาล์วให้กับทีมได้ถึง 4 ครั้งสูงที่สุดในทีมด้วย
แน่นอนว่า บุรีรัมย์ ตอนนี้ก็ขาด ดิโอโก้ ไม่ได้จริงๆ เพราะต้องยอมรับเลยว่าเขานี่แหละคือหัวใจเกมรุกของทีมมาตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา
แก้เกมครึ่งหลังได้ดี
แฟนบอล บุรีรัมย์ หลายคนคงรู้สึกอัดอัดพอสมควรกับฟอร์มการเล่นในครึ่งแรกของทีมที่กลายเป็นว่าเปิดเกมมาก็โดนเจ้าถิ่นเปิดเกมบุกใส่มากกว่าซะอย่างงั้น
แดนกลางก็แทบจะเก็บบอลไม่ได้และมีโอกาสยิงจะแจ้งเพียงครั้งเดียวจาก จักรพันธ์ แก้วพรม ที่ถูกเคลียร์ออกมาจากเส้นประตูอย่างหวุดหวิด
แต่แล้วเมื่อครึ่งเวลาหลังเริ่มขึ้น ทัพปราสาทสายฟ้า กลับลงมาด้วยความคึกคักดักเก็บบอลได้หมดแถมมีโอกาสทำประตูมากกว่าครึ่งแรกเกือบ 2 เท่า (ครึ่งแรก 4 ครั้ง จบเกม 10 ครั้ง)
จนนำมาซึ่งประตูชัยตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง จุดนี้ต้องชื่นชมการแก้เกมของ โบชิดาร์ บันโดวิช ที่เหมือนมองเห็นอะไรบางอย่างจนพาทีมคัมแบ็กค้ว้าชัยมาได้อย่างสวยงาม
กล้าดันดาวรุ่งจนแผลงฤทธิ์!!
ต้องยอมรับเลยว่าเกมพบ เจจู เป็นเกมที่สำคัญและกดดัน บุรีรัมย์ มากเหลือเกินเพราะพวกเขามีทางเลือกเดียวเท่านั้นคือสามแต้มเพื่อลุ้นเข้ารอบ
แต่ “บอสโก้” กลับไว้ใจ 3 แข้งดาวรุ่งอย่าง สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด และ ศศลักษณ์ ไหประโคน ให้ลงเล่นเป็นตัวจริง
ทั้งที่มีตัวเก๋าอย่าง สุเชาว์ นุชนุ่ม หรือ พรรษา เหมวิบูลย์ (น่าจะไม่ฟิต) ที่สามารถลงมาเพื่อปรับแผนเป็นหลังสามได้
ซึ่งนี่แหละคือการตัดสินใจที่ถูกต้องหลังทั้งสามคนไม่มีความตื่นสนามให้เห็นพร้อมมีสถติจ่ายบอลสำเร็จสูงเกิน 81% ทุกคนด้วย
โดยเฉพาะเกมรุกพวกเขาทั้งสามคนสร้างโอกาสให้กับทีมรวม 6 ครั้งจนนำไปสู่ประตูชัยที่ ศศลักษณ์ เป็นคนแอสซิสต์ด้วย (สุภโชค 3 ครั้ง,ศศลักษณ์ 2 ครั้ง,ศุภชัย 1 ครั้ง)
และนี่ก็คือ 5 จุดเด่นๆของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ทำให้พวกเขาบุกชนะ เจจู ยูไนเต็ด ได้ถึงเกาหลีใต้ 1-0 พร้อมคว้าสิทธิ์ลุยรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2018 ทันที
ในรอบต่อไปจ่าฝูงไทยลีกมีโอกาสสูงทีเดียวที่ต้องเจอทีมแกร่งอย่าง ชุนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส แต่หาก ทัพปราสาทสายฟ้า ยังคงรักษาฟอร์มแกร่งได้แบบนี้ บอกเลยแฟนบอลไทยมีลุ้นเฮกันยาวๆแน่นอน!!