5 จุดสุดเด่นที่ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกเสมอ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ 1-1 ในศึก ACL2018
จบไปแบบได้ใจแฟนบอลไทยจริงๆ สำหรับฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี เมื่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด งัดฟอร์มเด็ดกลับมาตามตีเสมอ กว่างโจง เอเวอร์แกรนด์ 1-1 ได้แบบน่าชนะด้วยซ้ำ
และอะไรคือ 5 เรื่องสุดเด็ดที่ทำให้ แชมป์ไทยลีก 2017 กลับมาคืนฟอร์มได้ในครึ่งหลังเราไปดูกัน??
แนวรับท็อปฟอร์ม
ต้องยอมรับเลยว่าเกมนี้กองหลัง บุรีรัมย์ โคตรโดดเด่นหลัง พรรษา เหมวิบูลย์, อันเดรส ตูเญซ และ ประวีณวัช บุญยงค์ ที่ช่วยกันเคลียร์บอลมากถึง 43 ครั้งเลยทีเดียว
โดยเฉพาะ เจ้าโย่ง ที่เข้าตัดบอลได้อีก 5 หนบวกกับพุ่งบล็อคลูกยิงเสียวๆ ของกว่างโจว ได้ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
ด้าน ตูเญซ ก็เหนียวแน่นสุดๆ เรื่องการดักบอลลูกกลางอากาศที่เห็นได้ชัดเลยว่าครึ่งหลังพวกเขาตัดจุดด้อยนี้ทิ้งไปได้เลย
ส่วน เจ้าบิ๊ก ที่เคยถูกใครว่าไว้มาก่อนหน้านี้ก็โชว์ฟอร์มหยุดแนวรุกเจ้าถิ่นที่เลี้ยงจี้มาได้อย่างเด็ดขาด แถมมีจังหวะตัดบอลสวยๆถึง 3 ครั้งอีกด้วย
แก้ปัญหาลูกครอสได้ดี
ชัดเจนเลยว่าเกมครึ่งแรก กว่างโจว ใช้ลูกครอสจากด้านข้างเล่นงาน บุรีรัมย์ อย่างเดียวจนเรียกได้ว่าโดนเจาะจนยับเยินเลยก็ว่าได้
และประตูที่ถูกขึ้นนำจาก ริคาร์โด กูลาร์ต ก็มาจากลูกเปิดจากด้านข้างให้โขกเต็มๆนั่นแหละ กลับกันในครึ่งหลังเราแทบไม่เห็นเจ้าถิ่นใช้ลูกครอสที่เคยโดดเด่นสุดๆในครึ่งแรกเลย จะมีก็แต่การโยนยาวมาในแนวลึกซึ่งก็ติดกองหลังเซราะกราวเคลียร์ไว้ได้หมด
จุดนี้คงต้องชื่นชม โบชิดาร์ บันโดวิช ที่สามารถแก้สถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยมใ่วงพักครึ่งด้วย
เปลี่ยนตัวถูกจุด
สุภโชค สารชาติ อาจดูโดดเด่นจริงในแนวรุก บุรีรัมย์ แต่การเปลี่ยน เอ็ดการ์ บรูโน่ ลงมาแทนตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังถือว่าเป็นการเสี่ยงที่คุ้มเหลือเกิน
เพราะแค่จังหวะแรกของเกม เอ็ดการ์ ก็โหม่งชงให้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต หลุดไปซัดแล้ว นอกจากนี้ความสูง และยาวของแขนขาเขายังมีประโยชน์เพียบ
ไม่ว่าจะเป็นการครองบอล ลากบอลไปเอง หรือแม้กระทั่งพักบอลรอเพื่อน โดยเฉพาะการหาพื้นที่ได้อย่างยอดเยี่ยมจนกลายเป็นคนซัดประตูตีเสมอให้ บุรีรัมย์ ตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งหลังเลยทีเดียว
โต้กลับได้ผล
การโดนแชมป์ลีกจีนบุกอยู่ฝั่งเดียวในครึ่งแรก โดยที่ไม่มีเกมโต้กลับเลยมันทำให้เห็นได้ชัดเลยว่ายากเหลือเกินที่ ปราสาทสายฟ้า จะทวงประตูคืนได้
แต่ในครึ่งหลังเหมือนหนังคนละม้วนหละงพวกเขามีจังหวะโต้กลับเร็วจนได้ลุ้นประตูมากกว่า 5 ครั้งเสียอีกแต่น่าเสียดายที่จังหวะสุดท้ายยังทำได้ไม่ดีพอ
โดยเฉพาะ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต หลุดไปเปิดบอลให้ ศศลักษณ์ ไหประโคน โขกชนคานช่วงท้ายเกม หากเข้าไป 3 แต้มแน่นอน
แต่อย่างน้อยการได้ทำเกมบุกอย่างต่อเนื่องสลับกับ การเล่นเกมโต้ไวทำให้ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ไม่กล้าที่จะทิ้งหลังบ้าน และบุกแบบเต็มสูบเหมือนในครึ่งแรกเลย
สู้สุดใจไม่มียอมแพ้
ทีมจากไทยไม่ว่าจะเป็นระดับสโมสร หรือทีมชาติส่วนมากเห็นบ่อยเหลือเกินการเจอยักษ์ใหญ่ระดับเอเชียแล้วเมื่อถูกขึ้นนำก็มักจะเสียสมาธิ จนถูกรัวยิง หรือแผนพังกันซะหมด
แต่ไม่ใช่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อวานนี้ ที่แม้ครึ่งแรกพวกเขาจะเล่นชนิดที่ต้องบอกเลยว่า “สู้ไม่ได้เลย” แต่การกลับมาครึ่งหลังที่ดาหน้าบุกบบไม่กลัวเจ้าถิ่น
แสดงให้เห็นแล้วว่า ขุนพลปราสาทสายฟ้า มีใจที่สู้เกินร้อยมากแค่ไหน แถมบวกกับความฟิตที่มีกันอย่างเต็มเปี่ยม 1 แต้มนี้เหมาะแล้วที่พวกเขาจะได้มันกลับมาไทย
ถือเป็นการกลับมา ACL ที่ยอดเยี่ยมจริงๆของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่เอาเข้าจริงก็น่าเสียดายเหมือนกันที่เกมนี้ดูแล้วน่าจะคว้า 3 แต้มกลับมาได้จริงๆ
แต่อย่างน้อยการสู้กับทีมยักษ์ใหญ่ระดับเอเชียได้แบบนี้ก็โคตรน่าภูมิใจแล้ว และในวันข้างหน้าเชื่อได้เลยว่าแฟนบอลไทยจะได้เชียร์ ทัพปราสาทสายฟ้า ในถ้วยเอเชียได้แบบสนุกสุดๆแน่นอน!!
