5 จุดที่เห็นชัดเจน จากเกมที่ไทยแพ้ เกาหลีเหนือ 0-1 ศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
ทำเอาแฟนบอลผิดหวังกันพอสมควร สำหรับผลงานนัดแรกของ ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย หลังพ่ายให้กับ เกาหลีเหนือ ไป 0-1 โดยเสียประตูตั้งแต่เกมผ่านไปแค่นาทีเศษ
อันที่จริงสถิติโดยรวมหลังจบเกม ทีมช้างศึกก็ไม่ได้เป็นรองทีมโสมแดงเท่าไรนัก สามารถครองบอลได้มากกว่า และบุกจนได้เตะมุมมากกว่าด้วยซ้ำไป
แต่หลังจากชมเกมอย่างละเอียด เราได้พบจุดอ่อนใหญ่ๆ 5 ข้อชัดๆ ด้วยกัน ที่มีตัวเลขเป็นสถิติฟ้องให้เห็นในเกมนี้
1. กองหลังไทย ยังเข้าใจกันไม่ดี
เกาหลีเหนือได้ประตูนำตั้งแต่โอกาสลุ้นครั้งแรกของเกม จากจังหวะที่ไทยเช็คล้ำหน้ากันอย่างหละหลวม แต่นั่นไม่ใช่ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ที่เราก่อให้เห็นในเกมนี้
จะเห็นได้ว่า แนวรับของไทยเล่นกั๊กกันเองหลายครั้ง ว่าจังหวะไหนจะเข้าสกัดเอง หรือปล่อยให้ตัวซ้อนจัดการ ขณะที่การยืนตำแหน่งกันในพื้นที่สุดท้าย ถือว่าทำได้แย่มาก
กองหน้าของเกาหลีเหนือ หลุดกับดักล้ำหน้าจนมีจังหวะยิงไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง นอกจากนั้นแล้ว โอกาสยิง 10 จากทั้งหมด 14 ครั้ง ของทีมโสมแดง เกิดขึ้นในกรอบเขตโทษของเรา
ในครึ่งแรก นาทีที่ 27 เกาหลีเหนือครอสบอลจากฝั่งขวาเข้าไปในเขตโทษ แต่ไม่มีใครกระโดดโหม่ง ปล่อยให้ โช จู-ซอง (เบอร์ 11) ได้ซัดที่เสาไกล ยังดีที่ นนท์ ม่วงงาม เซฟช่วยไว้ได้
2. เกาหลีเหนือขยันกว่าไทยลิบลับ
เกาหลีเหนือมีสถิติการผ่านบอลรวมกันทั้งเกมเป็นรองทีมชาติไทยด้วยซ้ำ (383 ต่อ 428 ครั้ง) แต่การวิ่งไล่บอลตลอด 90 นาที จนนักเตะหลายคนตะคริวกินในช่วงท้ายเกม ทำให้นักเตะไทยทำเกมไม่ได้ ได้แค่ผ่านบอลคืนหลัง แปะไปแปะมาไปยังช่องที่คู่แข่งเหลือไว้ให้เท่านั้น
ปัญหาของทีมช้างศึกในเกมนี้ไม่ใช่การ “ขี้เลี้ยง” เพราะหลักฐานคือสถิติการผ่านบอลที่เหนือกว่าคู่แข่งที่บุกได้มากกว่า
แต่ที่ต้องโฟกัสก็คือ เวลานักเตะไทยไม่มีบอลอยู่กับเท้า มักขยับกันเพียงน้อยนิด ไม่ออกแรงวิ่ง ไม่ทำช่องให้เพื่อนผ่านบอลให้ง่ายๆ ต่างหาก และเวลาเสียบอลก็วิ่งไล่กวดไปแย่งคืนกันช้า จึงโดนสวนกลับเสียวๆ หลายต่อหลายครั้ง
3. ตัวรุกริมเส้น ยังสนับสนุนเจนรบไม่ดีพอ
ชัยวัฒน์ บุราญ ปีกซ้ายของช้างศึก คือคนที่ต้องเอาฟอร์มเกมนี้ไปปรับปรุงมากที่สุด เพราะเป็นผู้เล่นคนเดียวที่มีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลสำเร็จไม่ถึงครึ่ง (47.6%) หรือพูดง่ายๆ ก็คือ “ทำบอลเสียมากที่สุด” นั่นเอง
ขณะที่ พิชา อุทรา ก็น่าผิดหวังเช่นกัน เพราะสร้างโอกาสให้เพื่อนไม่ได้เช่นเดียวกับ ชัยวัฒน์ แถมโอกาสยิงของเขาในครึ่งหลัง ที่ สุภโชค สารชาติ ถวายพานมาให้อย่างดี กลับซัดเบาหวิว ไปให้นายประตูเกาหลีเหนือรับง่ายๆ ซะอย่างนั้น
เจนรบ ได้โอกาสยิงเพียง 3 ครั้ง โดยหนึ่งในนั้นมาจากการโหม่งสกัดพลาดของนักเตะคู่แข่ง และอีกหนึ่งคือการเลี้ยงบอลไปยิงเอง แต่ติดแขนนักเตะเกาหลีเหนือ ทว่าอดได้จุดโทษ
ถ้าหากหัวหอกจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้รับการเปิดป้อนที่ดีกว่านี้ ไทยน่าจะมีโอกาสลุ้นประตูเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
4. “สุภโชค” มาตรฐานดีที่สุด
ถ้าจะหาแง่ดีก็คือ สุภโชค สารชาติ กองกลางตัวเก่งวัย 19 ปีจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้เล่นที่มีคลาสมากที่สุดในทีมชุดนี้
การผ่านบอลของ “เจ้าเช็ค” มีประสิทธิภาพสูงกว่าใครๆ ในบรรดานักเตะตำแหน่งกองกลาง, ปีก และกองหน้า และมีจังหวะจ่ายถวายพานสวยๆ ให้ พิชา อุทรา ได้ยิงเน้นๆ แต่ไปตรงตัวของนายประตูคู่แข่ง
5. ไทยยังพลาดโอกาสทองง่ายๆ เหมือนเดิม
โอกาสที่ต้องเป็นประตูสถานเดียวในครึ่งแรก ที่ ศฤงคาร พรมสุภะ ได้โหม่งจ่อๆ หน้าประตู หลังจากนายทวารเกาหลีเหนือตัดบอลพลาด กลับลอยไปชนเสา และจังหวะที่ พิชา อุทรา ได้ยิงเน้นๆ ในครึ่งหลัง ก็น่าผิดหวังเพราะเบาเกินไป
ถ้าหากเรายังหวังเข้ารอบต่อไป เกมนัดหน้าที่ต้องพบกับญี่ปุ่น คงต้องเปลี่ยนโอกาสที่น้อยนิดเป็นประตูให้ได้เท่านั้น และต้องไม่ก่อความผิดพลาดง่ายๆ ในเกมรับ จนโดนลงโทษแต่หัววันแบบเกมนี้อีก