5 จุดผิดพลาดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในเกมบุกพ่าย ชนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส 0-2 ร่วงรอบ 16 ทีม ACL 2018
จบลงไปแบบน่าเสียดายจริงๆ สำหรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลังบุกไปพ่าน ชนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส 0-2
ทำให้สกอร์รวมสองเกม ทัพปราสาทสายฟ้า พ่ายไป 3-4 ต้องจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2018 เท่านั้น
และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าจะเป็นข้อผิดพลาดของทีมจากไทย จนส่งผลให้พวกเขาอดเข้ารอบต่อไปทันที!!
เน้นตั้งรับมากเกินไป
เมื่อดูจากตัวจริงของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แล้วคงไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะมาเน้นตั้งรับขนาดนี้ ทันทีที่เกมเริ่มกลายเป็นว่า ชนบุค ฮุนได เป็นฝ่ายครองเกมบุกอยู่ฝ่ายเดียว
จนนำมาซึ่งประตูขึ้นนำ 1-0 ไวมากตั้งแต่ต้นเกม ยิ่งเมื่อเกมครึ่งแรกจบลงไปแล้วมาย้อนดูสถิติยิ่งน่าตกใจเพราะ ชนบุค ได้ยิงมากถึง 14 ครั้ง
แต่ เซราะกราว ได้ส่องเพียงหนเดียวจากจังหวะยิงของ จักรพันธ์ แก้วพรม ในนาที 45 นู้นเลย และมันก็คงจริงอย่างที่หลายคนบอกไว้ว่าการตั้งรับลึก ก็เปรียบเสมือนการรอเสียประตูนั่นแหละ
แข้งทีเด็ดเงียบกริบ
เกมนัดนี้ตัวทีเด็ดอย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต เรียกได้ว่าเงียบกริบจนไม่สามารถแผลงฤทธิ์ใส่แนวรับของ ชนบุค ได้เหมือนนัดที่แล้วเลย ส่วนหนึ่งก็มาจากจังหวะทำเกมขึ้นไปกลับไม่มีเพื่อนเติมมาเล่นด้วยเลย
เช่นเดียวกับวิงแบ็กสองข้างอย่าง กรกช วิริยอุดมศิริ และ ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่ทำได้ดีมาตลอด แทบจะไม่ได้ยินเสียงคนพากย์เรียกชื่อเลย
โดยเฉพาะ เจ้าพี ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ท้ายครึ่งแรก หลังสุ่มเสี่ยงที่จะโดนใบเหลืองที่สองเหลือเกิน
ขณะที่ ยู จุน-ซู กลายเป็นว่านัดนี้เขาก็ทำได้ไม่ดีนัก แถมยังโดนขยับไปเรื่อยทั้งกองกลางตัวรับ, ตัวรุก และมีขึ้นไปยืนเหมือนกองหน้าอีก
ที่น่าจะดูดีที่สุดคงเป็น อันเดรส ตูเญซ ที่ช่วยเกมรับไว้ได้เยอะสุดๆ ด้วยการเคลียร์บอลทิ้งไป 7 ครั้ง แถมเข้าปะทะอีก 4 หน
เอาลูกกลางอากาศไม่อยู่
จากเกมในเลกแรก บุรีรัมย์ รู้อยู่แล้วว่า ชนบุค จะใช้เกมรุกด้วยลูกกลางอากาศให้ คิม ชิน-วุก ดาวยิงร่างโย่งที่สูงถึง 198 ซม. คอยโหม่งทำประตู และชงให้เพื่อน
จริงอยู่ที่เกมนัดแรก ทัพปราสาทสายฟ้า จัดการได้หมด แต่กลายเป็นว่านัดนี้เราโดนลูกโด่งโจมตีอย่างหนักจนเกือบเสียประตูไปหลายลูก
คิม ชิน-วุก ใช้จุดเด่นเรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมหลังเอาชนะในการกวลลูกกลางอากาศได้ถึง 17 ครั้ง (จาก 24 ครั้ง)
และสร้างโอกาสให้ทีมได้มากถึง 5 ครั้ง ซึ่งนำไปสู่การแอสซิสต์ให้ ริคาร์โด โลเปซ ซัดปรตูขึ้นนำ 1-0 ด้วย
ยังดีที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เกมนี้ท็อปฟอร์มเซฟกระจายช่วยทีมไว้ได้ถึง 11 ครั้งไม่เช่นนั้น เซราะกราว น่าจะโดนเยอะกว่านี้แน่ๆ
แข้งหลักล้าชัดเจน
11 ตัวจริงของ บุรีรัมย์ ในเกมนี้เอาเข้าจริงก็แทบจะเป็นแกนหลักที่ใช้มาตลอดทุกนัดตั้งแต่ไทยลีก ยัน ACL
โดยเฉพาะ ยู จุน-ซู ที่ปีนี้ลงเล่นครบทุกนัดทุกรายการตั้งแต่เปิดซีซั่น เช่นเดียวกับ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต, อันเดรส ตูเญซ, กรกช วิริยอุดมศิริ และ จักรพันธ์ แก้วพรม ก็ขาดการลงเล่นไปคนละนัดสองนัดเท่านั้นเอง
แถมต้องเดินทางไกลติดๆกันอีก ทำให้ ทัพปราสาทสายฟ้า ออกอาการล้า และเร่งเครื่องไม่ขึ้นอย่างชัดเจน
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนตัวของ โบซิดาร์ บันโดวิช ในเกมนัดนี้ เมื่อ 3 แข้งสำรองอย่าง สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด และ เอกลักษณ์ ทองกริต ก็ไม่สามารถลงไปเปลี่ยนเกมได้เลย
โดนนำแต่ไม่ทำเกมรุก
จริงอยู่ที่ บุรีรัมย์ ได้เปรียบมาอยู่ในเกมนัดแรก แต่การโดน ชนบุค โหมเกมรุกใส่ตั้งแต่ต้นเกมจนพวกเขาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน ทำให้ทีมจากไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องบุกเพื่อเอาประตูคืนให้ได้
แต่กลายเป็นว่า ทัพปราสาทสายฟ้า ยังคงตั้งรับลึกถอยวิงแบ็กสองข้างลงมาต่ำเหมือนเล่นกองหลัง 5 คน
โดยปล่อยให้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต และ เอ็ดการ์ ซิลวา โดดเดี่ยวอยู่ในแดนหน้าจนไม่สามารถสร้างความอันตรายให้เจ้าถิ่นได้เลย
ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าแปลกเหมือนกันที่ ขุนพลเซราะกราว ไม่เดินหน้าบุกแบบในเลกแรกทั้งที่สกอร์กำลังเสียเปรียบ และปล่อยให้เวลาเดินไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็โดนประตูที่สองปิดเกมในช่วงท้ายจนได้
แม้ในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2018 รอบก่อนรองชนะเลิศ จะไม่เหลือตัวแทนจากไทยเข้าไปแล้ว
แต่อย่างน้อยเราก็ควรภูมิใจกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สามารถเข้ามาเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ และชนะยอดทีมเอเชียไปหลายทีม
จนทำให้แรงกิ้งสโมสรของไทยพุ่งขึ้นไป และมีโอกาสเพิ่มโควตา ACL เป็น 2+1 ได้ในอนาคต (จากเดิม 1+2)
ส่วนปีหน้าก็ต้องมาตามลุ้นกันอีกทีว่าทีมใดจะเป็นตัวแทนของไทยไปลุยถ้วยเอเชีย แต่บอกเได้เลยไม่ว่าจะเป็นทีมไหนแฟนบอลก็เอาใจช่วยเต็มที่แน่นอนเพราะพวกคุณคือ “ตัวแทนประเทศไทย”