เปิดสนามคืนนี้!! ไปดู 5 สิ่งใหม่ ที่เพิ่งมีใน เอเชียน คัพ 2019

เปิดสนามคืนนี้!! ไปดู 5 สิ่งใหม่ ที่เพิ่งมีใน เอเชียน คัพ 2019
เปิดสนามคืนนี้!! ไปดู 5 สิ่งใหม่ ที่เพิ่งมีใน เอเชียน คัพ 2019

5 สิ่งใหม่ในศึก เอเชียน คัพ 2019 ที่ไม่เคยมีในครั้งก่อนๆ

คืนนี้แล้วที่ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเชีย หรือ เอเชียน คัพ 2019 จะได้ฤกษ์เปิดสนาม โดยนัดเปิดหัวคือการเจอกันระหว่างเจ้าภาพ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบกับ บาห์เรน ซึ่งเป็นเกมในกลุ่ม A ที่มี ทีมชาติไทย ร่วมสายด้วย

ศึก เอเชียน คัพ ครั้งนี้ ถือว่าต่างจากเวอร์ชั่นเก่าๆ มากทีเดียว และนี่คือ 5 สิ่งใหม่ที่เพิ่งมีในศึกชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้เป็นครั้งแรก

 

1. มีทีมในรอบสุดท้ายถึง 24 ทีม

นี่คือครั้งแรกที่ศึก เอเชียน คัพ มีทีมเข้าแข่งขันในรอบสุดท้ายมากถึง 24 ทีม หลังจาก 4 ครั้งก่อนหน้านี้ (2004, 2007, 2011 และ 2015) มีทีมในรอบสุดท้ายเพียง 16 ทีม เท่านั้น

ด้วยจำนวนทีมที่มากที่สุด เท่าที่รอบสุดท้ายเคยมีมา ทำให้ศึกใหญ่ที่ยูเออีปีนี้ จะมีรูปแบบการแข่งขันต่างจากครั้งก่อน

24 ทีมที่เข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย จะถูกแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม คัดเอาอันดับ 1 และ 2 ผ่านเข้ารอบทันที บวกกับทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม รวมเป็น 16 ทีม ที่จะฟาดแข้งในรอบน็อกเอาต์ต่อไป

2. ถ้วยแชมป์แบบใหม่!!

ศึก เอเชียน คัพ ครั้งนี้ถือเป็นการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียครั้งที่ 17 และได้มีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมของถ้วยรางวัลให้มีลักษณะเป็นดอกบัว มีกลีบ 5 ชั้น ซึ่งหมายถึงการรวมกันของสหพันธ์ฟุตบอลย่อยอีก 5 ภูมิภาค ที่อยู่ภายใต้ เอเอฟซี 

ถ้วยแชมป์แบบใหม่นี้ เป็นถ้วยเงินที่มีน้ำหนัก 15 กิโลกรัม เท่ากับถ้วยแบบเก่าที่ใช้มาตั้งแต่การแข่งขันครั้งแรก จนถึงครั้งที่ 16 ในปี 2015 แต่เพิ่มความสูงจากเดิม 42 เซนติเมตร เป็น 78 เซนติเมตร

 

3. มี 3 ชาติที่เพิ่งได้ลงเล่นในรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก

จากทั้งหมด 24 ชาติ มีถึง 3 ชาติที่จะได้เข้าร่วมศึกชิงแชมป์ทวีปเอเชียในรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก ได้แก่ ฟิลิปปินส์, คีร์กีซสถาน และ เยเมน ซึ่งในศึก เอเชียน คัพ 2019 ทั้ง 3 ทีมต่างอยู่ในสายโหดหินกันทั้งหมด

ฟิลิปปินส์ และ คีร์กีซสถาน อยู่ในสายเดียวกัน คือ กลุ่ม C ซึ่งมีชาติยักษ์ใหญ่อย่าง เกาหลีใต้ และ จีน เป็นด่านหินรออยู่ ขณะที่ เยเมน ที่อยู่ในกลุ่ม D ก็เจองานหนักสุดๆ เมื่อมีทั้ง อิหร่าน, อิรัก และ เวียดนาม เป็นเพื่อนร่วมสาย

4. ไม่มีเกมนัดชิงที่ 3 อีกต่อไป

นับตั้งแต่ศึก เอเชียน คัพ มีเกมในรอบน็อกเอาต์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1972 ก็มีการจัดเกม “นัดชิงที่ 3” มาตลอด เพื่อให้ทีมที่พลาดหวังจากการเข้าชิงชนะเลิศ ได้ฮึดสู้อีกสักตั้งเพื่อมีเหรียญรางวัลกลับบ้าน

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เกมนัดชิงที่ 3 มักมีคนดูถ่ายทอดสดน้อยกว่าเกมอื่นๆ ที่มีความหมาย แถมทีมที่ลงแข่งก็ไม่ค่อยจะมีอารมณ์ซ้อมกันเท่าไร หลังตกรอบรองชนะเลิศ ทำให้ เอเอฟซี ตัดสินใจยกเลิกโปรแกรมที่คนไม่สนใจนี้ไปในที่สุด หลังจากศึก ยูโร ก็ยกเลิกเกมนัดชิงที่ 3 ไปตั้งแต่ปี 1980 ก่อนแล้ว

โดยรางวัลอันดับ 3 จะตัดสินโดยดูว่าทีมที่ตกรอบรองชนะเลิศ ทีมใดที่ทำผลงานตลอดรายการได้ดีกว่าแทน

นั่นหมายความว่า ยูเออี คือชาติสุดท้าย ที่คว้าเหรียญบรอนซ์ได้จากการชนะเกมนัดชิงอันดับ 3 โดยเฉือนชนะ อิรัก 3-2 เมื่อปี 2015

 

5. มี VAR แล้ว!!

ศึก เอเชียน คัพ 2019 น่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีการตัดสินอย่างโปร่งใสที่สุดกว่าการชิงแชมป์เอเชียครั้งที่ผ่านๆ มา

เพราะนับตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป จะมีการใช้เทคโนโลยีวิดีโอช่วยตัดสิน หรือ VAR ตามรอยการแข่งขันรายการใหญ่ๆ อย่าง ฟุตบอลโลก หรือลีกดังๆ อย่าง บุนเดสลีกา, กัลโช่ เซเรีย อา, ลา ลีกา  หรือ ลีก เอิง

อย่างไรก็ตาม ในรอบแบ่งกลุ่มและรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะยังไม่มี VAR มาช่วย หรือแม้กระทั่งรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ ผู้ชี้ขาดการตัดสินก็ยังคงเป็นกรรมการในสนามอยู่ดี

ทำให้ผู้ตัดสินและทีมงานผู้ช่วยต้องทำงานหนักกันต่อไป ซึ่งเราก็หวังว่ามาตรฐานผู้ตัดสินของเอเชีย จะถูกยกระดับได้มากขึ้นในศึกใหญ่ครั้งนี้