เชียร์ช้างศึกดับลอดช่อง!! 5 ปัจจัยชี้ชัด ไทย เตรียมเปิดบ้านซัด สิงคโปร์

เชียร์ช้างศึกดับลอดช่อง!! 5 ปัจจัยชี้ชัด ไทย เตรียมเปิดบ้านซัด สิงคโปร์
เชียร์ช้างศึกดับลอดช่อง!! 5 ปัจจัยชี้ชัด ไทย เตรียมเปิดบ้านซัด สิงคโปร์

5 ประเด็นชี้ชัด ทีมชาติไทย น่าเปิดบ้านชนะ สิงคโปร์ ในศึกซูซูกิ คัพ 2018

ด้วยสถานการณ์ 3 นัดแรกของกลุ่มบี ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ที่ยังไม่มีการการันตีใดๆ ทั้งนั้นว่าทีมไหนจะเข้ารอบ

ทำให้ ทีมชาติไทย ต้องมาลุ้นกันถึงนัดสุดท้ายคืนนี้ด้วยการเปิดบ้านพบ สิงคโปร์ แต่จากตารางคะแนนตอนนี้ ทัพช้างศึก ขอแค่ไม่แพ้ก็เพียงพอแล้วที่จะทะลุสู่รอบตัดเชือก

แต่แน่นอนว่าการเล่นต่อหน้าแฟนบอลหลายหมื่นคนเช่นนี้ผลเสมอคงไม่พอ และนี่คือ 5 ประเด็นชี้ชัดที่ ไทย ไม่น่าพลาดสามแต้มในคืนนี้!!

ช้างศึกยังเหนือกว่า

จากตารางคะแนนกลุ่มบี ตอนนี้ ทีมชาติไทย นำจ่าฝูงด้วยการมี 7 คะแนนเท่ากับ ฟิลิปปินส์ แต่ประตูได้ที่ดีกว่าถึง 7 ลูก โดยมี สิงคโปร์ตามมาเป็นที่ 3 จากการเก็บไป 6 แต้มเต็ม

ซึ่งแน่นอนว่า ทัพช้างศึก ต้องการเพียง 1 คะแนนก็จะเพียงพอต่อการเข้ารอบแล้ว แต่หากคว้า 3 คะแนนได้ก็จะคว้าแชมป์กลุ่มไปอย่างไม่ยากนัก

ต่างจากทีมเยือนที่พวกเขาต้องบุกมาชนะ ไทย ให้ได้เท่านั้นถึงจะสามารถทะลุเข้าสู่รอบต่อไปได้อย่างแน่นอน เพราะหากเสมอ สิงคโปร์ ก็ต้องไปลุ้นคู่ ฟิลิปปินส์ ไม่ให้ชนะ อินโดนีเซีย ถึงจะได้เข้ารอบตามไทยไป

และด้วยมาตรฐาน บวกกับความทางเลือกอะไรหลายๆ อย่างแล้วลูกทีม มิโลวาน ราเยวัช น่าจะเก็บชัยไปได้หากไม่ประมาท หรือเล่นกันผิดฟอร์มเหมือนนัดที่แล้ว

 

ราเยวัช รู้แล้วอะไรไม่เวิร์ค

ในนัดที่บุกเสมอ ฟิลิปปินส์ 1-1 มิโลวาน ราเยวัช เลือกปรับแท็คติก ทีมชาติไทย จากเดิม 4-2-3-1 ไปใช้ 4-3-1-2 โดยอัดแดนกลางแน่นๆ

แต่แล้วก็เหมือนจะไม่เวิร์คสักเท่าไหร่นัก หลังกลายเป็นว่าแดนกลางไทยกลับสู้ ฟิลิปปินส์ ไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะระบบใหม่ที่ยังไม่เข้าใจกันนัก หรือการยืนตำแหน่งที่ไม่ถนัดกันแน่

ทำให้เฮดโค้ชชาวเซอร์เบียน่าจะรู้แล้วว่าแผนเดิมน่าจะดีกว่าเพียงแค่ลองเปลี่ยนปีกเป็นคนอื่นดูบ้าง หลัง มงคล ทศไกร กับ นูรูล ศรียานเก็ม เล่นไม่ค่อยออกนักในช่วงสองนัดแรก

ช้างศึกในบ้านไว้ใจได้

ทีมชาติไทย ลงเล่นเป็นเจ้าบ้านมาแล้วถึง 25 ครั้งนับตั้งแต่ศึกชิงแชมป์อาเซียนเริ่มฟาดแข้งกันในปี 1996 เป็นต้นมา

ซึ่งต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นจุดแข็งสำคัญของทีมเพราะ ทัพช้างศึก สามารถเก็บชัยไปได้ถึง 23 นัด เสมอ 1 นัด และพลาดท่าไปเพียงเกมเดียวเท่านั้น ในรอบชิงชนะเลิศ เลกแรกของซูซูกิ คัพ 2012

นั่นหมายความว่าทีมอื่นนอกจาก ทัพดาวทอง แล้วยังไม่เคยมีใครบุกมาคว้าสามแต้มที่ประเทศไทยได้เลยสักชาติเดียวในศึกชิงแชมป์อาเซียน

2 ทีมที่ได้แชมป์มากสุด

นอกจากการพบกันครั้งนี้จะเปน้กมตัดสินการเข้ารอบแล้ว นี่คือการเจอกันของ 2 ทีมที่ได้แชมป์อาเซียนเยอะที่สุดตลอดกาล

โดย ทีมชาติไทย คว้าถ้วยนี้ไปครองแล้ว 5 ครั้ง ส่วน สิงคโปร์ นั้นสามารถคว้าแชมป์ไปครองก่อนหน้านี้ 4 สมัย ซึ่ง 2 จาก 4 ครั้งนี้พวกเขาสามารถชนะ ช้างศึก ได้ด้วยในรอบชิงชนะเลิศ

แต่ในขณะเดียวกันเมื่อดูถึงช่วงเวลาคว้าแชมป์แล้ว ขุนพลแดนลอดช่อง ครองความยิ่งใหญ่ในช่วงยุค 2004  เป็นต้นมาก่อนจะหายไปชนิดที่ว่าไม่ผ่านเข้ารอบตัดเชือกมาแล้วถึง 2 สมัยติดต่อกัน

ต่างกับ ไทย ที่ต้องยอมรับว่าในช่วงหลังเราพัฒนานำทีมเพื่อนบ้านไปไกลมากจนเพิ่งมาแซง สิงคโปร์ กลายเป็นจ้าวอาเซียนไปในปี 2016 ที่ผ่านมานี้เอง

 

ไทย ไร้พ่าย สิงคโปร์ ในรอบแบ่งกลุ่ม

หากนับการพบกันของ ทีมชาติไทย กับ สิงคโปร์ เฉพาะในศึกชิงแชมป์อาเซียนทั้งหมด 8 ครั้ง เป็น ช้างศึก ที่คว้าชัยไป 4 เสมอ 2 และแพ้ 2 นัด

ที่น่าสนใจคือ 2 นัดที่ สิงคโปร์ เก็บชัยได้คือเกมในรอบชิง ซึ่งทั้งสองครั้งนั้นพวกเขาคว้าแชมป์ไปได้ทั้งคู่ด้วย

ขณะเดียวกันหากนับเฉพาะรอบแบ่งกลุ่มที่พบกัน 4 ครั้ง ไทย เก็บชัยไปถึง 3 เกม เสมอ 1 ครั้ง และไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

ที่สำคัญหากูการพบกันทั้งหมดรวมทุกรายการ 61 ครั้งตามบันทึกของฟีฟ่า ไทย เหนือกว่ามากทีเดียวชนะไป 32 นัดเสมอ 17 และเป็น สิงคโปร์ ที่ชนะไป 12 นัดเท่านั้น

 

แม้อะไรหลายๆ อย่าง ทีมชาติไทย จะดูเหนือกว่าสุดๆ แต่ต้องบอกเลยว่าเกมคืนนี้สำคัญที่สุดใน ศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ตั้งแต่เล่นมาเลยก็ว่าได้ เพราะห้ามแพ้เด็ดขาด ถ้าอยากเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

และวันนี้เหมือนเดิมแฟนบอลไทยเรามีนัดกันที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 19.00 น. ไปช่วยกันส่งเสียงเชียร์ ทัพช้างศึก ให้กระหึ่มไปทั้งอาเซียนเลย!!