สื่อนอกมองไทย : Football-Tribe ชี้จับตาอนาคต สรวิทย์ พานทอง

สื่อนอกมองไทย : Football-Tribe ชี้จับตาอนาคต สรวิทย์ พานทอง
สื่อนอกมองไทย : Football-Tribe ชี้จับตาอนาคต สรวิทย์ พานทอง

สื่อนอกมองไทย : Football-Tribe Asia เผยจับตาอนาคต สรวิทย์ พานทอง ในปี 2020

หลังจากผ่านทัวนาเมนต์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด อนาคตของ สรวิทย์ พานทอง จะเป็นยังไงต่อไป??

หลังจาก ทีมชาติไทย ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ U-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ต้องยอมรับเลยว่าสื่อทั้งไทย และต่างประเทศให้ความสนใจถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ ทัพช้างศึก มากเหลือเกิน

ล่าสุด Gian Chansrichawla คอลัมนิสต์จาก Football-Tribe Asia ก็ได้ออกมาเขียนบทความถึงนักเตะอย่าง สรวิทย์ พานทอง ที่ยกระดับฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชมจริงๆ

โดย Gian Chansrichawla ได้เริ่มเกริ่นเข้าเรื่องว่า แม้ใครหลายคนจะมองว่านักเตะที่ฟอร์มแรงสุดๆ ใน U-23 ชิงแชมป์เอเชียที่ผ่านมาจะเป็น สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด หรือแม้กระทั่ง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์

แต่ใครจะไปคิดว่านักเตะอย่าง สรวิทย์ พานทอง จะกลายเป็นคนที่เจ๋งไม่แพ้คนอื่นเลย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เล่นในลีกสูงสุดของไทยในปีที่ผ่านมาด้วยซ้ำ

 

สรวิทย์ เข้าร่วมทีม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตั้งแต่ชุดเยาวชน ก่อนถูกดันขึ้นชุดใหญ่ในปี 2016

นัดแรกในสีเสื้อกิเลนผยองชุดใหญ่ เขาได้รับโอกาสลงสนามไป 9 นาที ในไทยลีก 2016 ในนัดที่ชนะ พัทยา ยูไนเต็ด 4-1

อย่างไรก็ตามด้วยตำแหน่งกองกลางของทีมตอนนั้นเต็มไปด้วยนักเตะฝีเท้าระดับท็อปของประเทศ

ไม่ว่าจะเป็น สารัช อยู่เย็น, ชนาธิป สรงกระสินธ์ หรือแม้กระทั่ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ นั่นทำให้โอกาสของ สรวิทย์ มีน้อยนิดเหลือเกิน

ก่อนที่ปีต่อมาเขาจะถูกปล่อยตัวไปให้ศรีสะเกษ เอฟซี ยืมในช่วงเลกสองของไทยลีก 2017

แม้ปีต่อมา สรวิทย์ จะกลับมาที่เมืองทองอีกครั้งเพื่อเติมเต็มช่องว่างของทีมในปี 2018

เล่นเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางในยุค สันติ ไชยเผือก รวมทั้งถูกขยับไปเป็นตัวรุกในยุค ราโดวาน เคอร์ซิซ และเหมือนกราฟชีวิตของเขากำลังจะพุ่งขึ้นมา

แต่แล้วช่วงต้นปี 2019 สรวิทย์ โชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนัก กว่าจะกลับมาได้ก็ผ่านไปแล้วครึ่งฤดูกาล

แถมเลกสองก็ดันถูกส่งตัวไปให้ โปลิศ เทโร เอฟซี ยืมตัวลุย T2 เพื่อหาแมตช์ลงเล่นอีกต่างหาก แต่ใครจะไปคิดว่านั่นคือการแจ้งเกิดอีกครั้ง เมื่อเขายึดตัวหลักของ มังกรโล่เงินได้

และที่มันน่าสนใจมากกว่านั้นคือ อากิระ นิชิโนะ เลือกเขาเป็นกองกลางของ ทีมชาติไทย ลุยศึก U-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ด้วย

ชนิดที่ว่าเบียด รัตนากร ใหม่คามิ และ ฉัตรมงคล ทองคีรี ตัวหลักจากชุดซีเกมส์หลุดไปจากทีมด้วย

 

ตอนนั้นต้องยอมรับว่าหลายคนมองว่ามันจะเวิร์คจริงเหรอ แต่คนเหล่านั้นต้องถึงกับตกตะลึงเมื่อดูการเล่นของ สรวิทย์ เขาเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าทุกคนที่หลุดไปจริงๆ

แถมการตัดสินใจครั้งนี้ของ อากิระ นิชิโนะ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมมากขนาดไหน?

เพราะแทนที่ นิชิโนะ จะเลือกนักเตะที่มีชื่อเสียงดังกว่า แต่เขาเลือกที่จะมองหานักเตะจาก T2 ที่มีทักษะ จุดเด่นที่เขาต้องการ เพื่อมาปรับใช้ให้ลงตัวที่สุดในทีม U-23

นิชิโนะ ทำให้ สรวิทย์ ได้โชว์ทั้งความสามารถที่มีอยู่แล้ว และการพัฒนาที่มีมากยิ่งขึ้น 

โดยเฉพาะความโดดเด่นในเรื่องเกมโต้กลับ เช่นเดียวกับตัว นิชิโนะเอง ที่เขากลายเป็นผู้สร้างนักเตะให้กลายเป็นคุณสมบัติของชาติที่ร้อนแรงที่สุดไปแล้ว

 

ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาตอนนี้ สรวิทย์ พานทอง จะมีอนาคตอย่างไรในปีนี้?

คาแร็คเตอร์ และความสามารถของ สรวิทย์ ที่แสดงให้เห็นใน U-23 ทำให้เขาน่าจะเป็นตัวแทนที่ดีพอในอนาคตต่อจาก สารัช อยู่เย็น ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

แต่ในขณะเดียวกัน อเล็กซานเดร กาม่า ก็ได้ออกมาพูดถึง สรวิทย์ แล้วว่าสโมสรจะต้องดึงเขากลับมาใช้งานแน่ แต่ตอนนี้เขามีสัญญายืมตัวต่อกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่กลับมาเล่นในศึกไทยลีกได้อีกครั้ง

ต้องบอกก่อนเลยว่าถ้าการออกจาก เมืองทอง ตอนนี้เพื่อไปสู่ที่ๆ มีความต่อเนื่องในการลงสนาม และเชื่อมั่นในตัวเขามันสำคัญมากๆ กับ สรวิทย์ พานทอง

“โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กำลังจะคุมเทโรเป็นปีที่สาม และเป็นคนที่น่าจะโอเคอย่างมากกับดีลนี้

การเข้าร่วมทีม เทโร อีกครั้งสามารถทำให้ สรวิทย์ พัฒนาฟอร์มเป็นกองกลางที่ดีขึ้นอีกได้แน่ เขาน่าจะนำฟอร์มอันยอดเยี่ยมจาก U-23 ไปโชว์ต่อในไทยลีก 2020 ที่กำลังจะมาถึง

และที่สำคัญเขาน่าจะได้รับบทบาทใหม่ไปเป็นมิดฟิลด์ที่น่ากลัวคนนึงของฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้

 

อย่างที่เราเห็นกันก่อนหน้านี้ เมืองทอง มักปล่อยอะคาเดมี่ของทีมที่มีความสามารถมากพอเพื่อหาโอกาสลงสนามกับทีมอื่นๆ ก่อนจะดึงตัวกลับมาอีกครั้ง

สรวิทย์ พานทอง ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีความสามารถมากพอที่จะก้าวไปเป็นยอดมิดฟิลด์ของไทยได้ 

เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, ศิวกร จักขุประสาท หรือแม้กระทั่ง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี