ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังฟาดแข้งกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากแต่ละทีมเพิ่งลงเตะช่วงกลางสัปดาห์มาหมาดๆ โดยคู่เอกประจำช่วงสุดสัปดาห์นี้ อยู่ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อ เชลซี ที่เพิ่งร่วงลงมาอยู่อันดับ 4 จะต้องเปิดบ้านพบจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้
และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าติดตาม สำหรับบิ๊กแมตช์ที่จะหวดกันในช่วง 00.30 น. ของคืนนี้
และหากคืนนี้ เชลซี ต้องพบกับความพ่ายแพ้อีกนัด จะถือเป็นการคุมทีมแพ้เกมลีก 2 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ด้วย หลังจากหนสุดท้ายที่เกิดขึ้น ต้องย้อนไปเดือนตุลาคม 2016 สมัยที่เขาคุม นาโปลี
ดูเหมือนว่า ซาร์รี่ ต้องพิสูจน์ตัวเองให้มากกว่านี้ ว่าเขาคือ “ของจริง” ด้วยการพาทีมเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ให้ได้
เพราะนอกจากเกมช่วงต้นซีซั่น ที่เฉือนชนะ อาร์เซน่อล 3-2 ซึ่งทีมปืนใหญ่ตอนนั้นยังปรับจูนทีมกันไม่ลงตัวแล้ว เขายังไม่อาจพาทีมเอาชนะทีมใหญ่ในเกมลีกได้อีกเลย
การเปิดบ้านเจอ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบลงด้วยผลเสมอ ขณะที่เกมเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็แพ้กลับออกมาแบบยับเยิน 3-1
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า หาก ซาร์รี่ หวังจะพา เชลซี มีแต้มจากเต็งหนึ่งอย่าง แมนฯ ซิตี้ พวกเขาจำเป็นต้องเล่นด้วยมาตรฐานที่สูงที่สุดให้ได้เท่านั้น
“เป๊ป” ลุ้นพาเรือใบสร้างประวัติศาสตร์
ฤดูกาลที่แล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ เชลซี ได้ทั้งไปและกลับในพรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เมื่อนำทีมเรือใบสีฟ้าคว่ำสิงห์บลูส์ด้วยสกอร์ 1-0 ทั้ง 2 เกม
นอกจากนั้นแล้ว เขายังพา แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ เชลซี 2-0 ในศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ก่อนเปิดฤดูกาลอีกต่างหาก ซึ่งถ้าคืนนี้ กุนซือชาวกาตาลันนำทีมคว้า 3 แต้มที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้อีก จะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ เชลซี 4 นัดติดต่อกัน รวมทุกรายการ
เท่านั้นไม่พอ ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังไม่เคยชนะที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ซึ่งหนสุดท้ายที่สิงห์บลูส์พ่ายเรือใบสีฟ้าคาบ้าน 2 ปีซ้อน ต้องย้อนไปไกลถึงปี 1955 สมัยยังเป็นดิวิชั่น 1 เดิมเลยทีเดียว
อีกสถิติที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ลุ้นทำให้เกิดขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นครั้งแรก ก็คือการไม่แพ้เกมเยือนในลีกสูงสุดให้ได้ 15 นัดติดต่อกัน หลังจาก 14 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก เรือใบสีฟ้าผลงานสุดแกร่ง ชนะ 11 เสมอ 3 และยังไม่มีทีท่าว่าใครจะล้มพวกเขาได้เลย
2 ปีกซ้ายที่เจ๋งที่สุดในลีก ดวลกัน
นักเตะตำแหน่งปีกซ้ายที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ คงไม่มีใครเกิน เอแด็น อาซาร์ สตาร์ทีมชาติเบลเยียมของ เชลซี กับ ลีรอย ซาเน่ ปีกฟอร์มแรงทีมชาติเยอรมนีของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สถิตินับจากเปิดซีซั่น อาจเป็น อาซาร์ ที่ทำได้เหนือกว่า เพราะปีกก้นงอนฟอร์มฮอตสุดๆ ในช่วงต้นฤดูกาล แต่ถ้าหากนับฟอร์มช่วงหลัง ต้องบอกเลยว่า ซาเน่ กำลังโหดสุดๆ เพราะ 5 เกมหลังสุดนับเฉพาะที่ได้ลงเล่นตั้งแต่นาทีแรก เขาสามารถยิงประตูหรือทำแอสซิสต์ได้ตลอด (ยิง 5 จ่าย 3 จาก 5 เกมหลังสุดที่เป็นตัวจริง)
สถิติจากพรีเมียร์ลีก ระบุว่า ซาเน่ เร่งสปีดได้สูงสุด 35.2 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเอาชนะในการดวลต่อตัวกับแบ็กขวาฝั่งตรงข้ามได้สบาย และต้องรอดูว่า เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า แบ็กขวากัปตันทีม เชลซี จะรับมือได้ดีแค่ไหน
เรือขาด “กุน” จะเจาะสิงห์เข้าไหม?
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องอดใช้งาน เซร์คิโอ อเกวโร่ ในเกมลีก 2 นัดหลังสุด เพราะ “เอล กุน” มีอาการเจ็บโคนขาหนีบ ซึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เพิ่งออกมายืนยันเมื่อคืนนี้ว่า ดาวยิงตัวเก่งทีมชาติอาร์เจนตินา จะยังไม่พร้อมช่วยทีมในเกมบุกเยือน เชลซี คืนนี้
ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับทีมจ่าฝูง เพราะ อเกวโร่ มีสถิติที่ยอดเยี่ยมในการบุกเยือน เชลซี โดย 5 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ ที่เจ้าตัวบุกเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ เขายิงไปถึง 6 ประตู ทำไปอีก 1 แอสซิสต์
แถมในศึก คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ก่อนเปิดซีซั่น ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 2-0 ที่ เวมบลีย์ หัวหอกอาร์เจนไตน์รายนี้ก็เหมาซัดคนเดียว 2 ลูกอีกด้วย
จากการที่ กาเบรียล เชซุส กองหน้าทีมชาติบราซิลยังปืนฝืดในพรีเมียร์ลีกอย่างต่อเนื่อง เมื่อยิงได้แค่ลูกเดียวในนัดถล่ม ฮัดเดอร์สฟิลด์ 6-1 เมื่อเดือนสิงหาคม คงต้องบอกว่า เป๊ป คงอุ่นใจกว่าเยอะ หากมีหัวหอกดาวซัลโวสูงสุดของทีมลงประจำการในแดนหน้า
อันดับบนตาราง อาจเปลี่ยนหลังจบคืนนี้
จากการที่คู่ระหว่าง เชลซี พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะแข่งกันในเวลา 00.30 น. ทำให้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสแซงทีมเรือใบสีฟ้าขึ้นไปนำจ่าฝูงชั่วคราวก่อน หากบุกชนะ บอร์นมัธ ได้ในช่วงหัวค่ำ และถ้าหากทีมสิงโตน้ำเงินคราม สามารถยัดเยียดความพ่ายแพ้ในลีกครั้งแรกให้ แมนฯ ซิตี้ ได้สำเร็จ จะทำให้ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยึดที่ 1 ของตารางจนถึงสัปดาห์หน้าทันที
ทางด้าน เชลซี เองก็มีโอกาสโดน อาร์เซน่อล ที่มีโปรแกรมง่าย เปิดบ้านเจอ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ในรอบ 4 ทุ่มแซงขึ้นไปยึดที่ 4 เหมือนกัน
ซึ่งหากทีมปืนใหญ่คว้าชัยได้สำเร็จ จะเป็นการบีบให้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ต้องนำทีมเก็บ 3 แต้มสถานเดียว หากไม่อยากหลุดออกจากอันดับท็อปโฟร์เป็นครั้งแรกของฤดูกาล
เท่านั้นไม่พอ หาก เชลซี ไม่สามารถชนะ แมนฯ ซิตี้ ได้สำเร็จ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่รั้งอันดับ 3 นำห่างพวกเขา 2 แต้ม ทำคะแนนฉีกหนีออกไปอีก หากทีมไก่เดือยทองบุกพิชิต เลสเตอร์ ซิตี้ ในเกมคู่ดึกสุดของคืนวันเสาร์ได้สำเร็จ (คิกออฟ 02.45 น.)
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หาก เชลซี ยังต้องการรักษาความหวังในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไว้ต่อไป พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายามเก็บชัยชนะให้ได้เท่านั้น
แต่หาก 3 คะแนนเต็มยังเป็นของลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อีกในคืนนี้ ก็แทบจะนึกไม่ออกเลยว่า จนกว่าจะก้าวพ้นเทศกาลปีใหม่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะสะดุดในนัดไหนได้อีก
