ลุ้นถอนแค้นมังกร!! 5 ปัจจัยต้องดู ช้างศึก บุกล้างตา จีน ศึกไชน่า คัพ 2019

5 ประเด็นต้องดู ทีมชาติไทย บุกเยือน ทีมชาติจีน ลุยศึกไชน่า คัพ 2019

ทีมชาติไทย เตรียมลงประเดิมสนามศึก ไชน่า คัพ 2019 ด้วยการดวลกับเจ้าภาพอย่าง ทีมชาติจีน ในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีนี้ (21 มีนาคม)

ซึ่งการมาดวลกันในเวลานี้ถือเป็นช่วงที่เหมาะเหลือเกินหลัง ทัพช้างศึก ก็ต้องการล้างตา หลังจากเสียท่าให้แข้งแดนมังกรในศึก เอเชียน คัพ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

แน่นอนด้วยอันดับโลก หรือปัจจัยหลายๆ อย่างเราเป็นรองอย่างชัดเจน แต่ก็ใช่ว่า ทีมชาติไทย จะไม่สามารถคว้าชัยได้ และนี่คือ 5 ปัจจัยที่แฟนบอลไทยห้ามพลาดชมเกมคืนนี้เด็ดขาด!!

1. การเจอกันหนที่ 3 ในรอบไม่ถึงปี

หากนับสถิติการพบกันทั้งหมด 26 ครั้ง ทีมชาติไทย จะเป็นรองมากเหลือเกิน หลังชนะไปได้แค่ 5 นัด เสมอ 3 และแพ้ไปถึง 18 นัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนับการพบกันล่าสุด 3 นัดก็เป็น ทีมชาติจีน ที่คว้าชัยไปได้ทั้งหมด โดยครั้งล่าสุดที่ ช้างศึก ได้เฮต้องย้อนไปในปี 2013 ที่บุกถล่มถึงถิ่น 5-1

ที่น่าสนใจคือในระยะหลัง ไทย ได้ดวลกับ จีน บ่อยทีเดียว เพราะนับตั้งแต่กลางปี 2018 วันนี้จะเป็นนัดที่ 3 ที่ได้พบกันแล้ว (อุ่นเครื่อง 2018 : ไทย 1-2 จีน, เอเชียน คัพ 2019 : ไทย 1-2 จีน)

และด้วยความคาใจที่ ไทย ไม่น่าแพ้ จีน ในศึกชิงแชมป์เอเชียเมื่อต้นปีที่ผ่านมา น่าจะทำให้เรามีความกระหายที่จะบุกชนะพวกเขาเหลือเกินในวันนี้

2. แข้งหน้าเก่าคัมแบ็ก ทดแทนแข้งหลัก

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าก่อนเดินทางไปจีนมีนักเตะในชุดนี้ถอนตัวออกไปถึง 6 คนด้วยกัน โดยเฉพาะแข้งหลักในระยะหลังอย่าง สรรวัชญ์ เดชมิตร, กรกช วิริยอุดมศิริ, สุมัญญา ปุริสาย และ ธีรศิลป์ แดงดา ดาวยิงกัปตันทีมที่พลาดลงเล่นนัดที่ 100 ให้ชาติอย่างน่าเสียดาย

แน่นอนว่าการขาดแข้งหลักไปพร้อมๆ กันแบบนี้อาจจะส่งผลต่อระบบ หรือแผนที่ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย วางไว้ล่วงหน้าแน่ๆ

อย่างไรก็ตามที่น่าสนใจคือการกลับมาติดทีมชาติไทยอีกครั้งของ สารัช อยู่เย็น, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ซึ่งต่างเคยเป็นตัวหลักของทีมชาติ ในยุคที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คุมทีม

โดยเฉพาะ “เจ้าก้อง” ที่ได้รับโอกาสหลัง สุมัญญา ถอนตัวออกไป ทำให้เขากลับมามีชื่อติดทัพช้างศึกเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีกว่าเลยทีเดียว

น่าดูเหลือเกินว่าเย็นนี้แข้งหน้าเก่ายุค “โค้ชซิโก้” แต่เป้นหน้าใหม่ยุค “โค้ชโต่ย” จะได้รับโอกาสโชว์ฝีเท้าบ้างหรือไม่??

3. ลุ้นหน้าใหม่เปิดซิงทีมชาติ

จากรายชื่อ 23 คนที่เดินทางไปจีนนี่ถือเป็นโอกาสสำคัญของ พิชา อุทรา, จิตปัญญา ทิสุด และ ศนุกรานต์ ถิ่นจอม เพราะพวกเขาเพิ่งจะมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต

เช่นเดียวกับ ศิวกรณ์ เตียตระกูล กับ วรวุฒิ ศรีสุภา ที่แม้จะเคยมีชื่อมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับโอกาสลงสนามในนามทีมชาติชุดใหญ่สักที

แน่นอนว่าในตำแหน่งผู้รักษาประตูเป็นเรื่องยากที่ วรวุฒิ จะเบียด ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ได้ในเวลานี้ แต่สำหรับอีก 5 คนที่เหลือต้องยอมรับว่าโอกาสเปิดกว้างสุดๆ

ซึ่งน่าติดตามเหลือเกินว่าเย็นวันนี้จะมีสักกี่คนในนักเตะเหล่านี้ที่ได้ประเดิมลงเล่นทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก

และแน่นอนหากได้รับโอกาสแล้วโชว์ฟอร์มดี มีแววได้ถูกเรียกตัวกลับมาติดใหม่อย่างต่อเนื่องแน่

4. มีโอกาสเอาคืน เพราะจีนชุดกึ่งสำรอง

แม้ ทีมชาติจีน จะเป็นเจ้าภาพรายการนี้ แต่เมื่อลองดูจากรายชื่อแล้ว พวกเขาเหมือนจะไม่เน้นเท่าไหร่นักเพราะไม่มีทั้ง หวู เหล่ย ดาวดังที่ค้าแข้งอยู่ เอสปันญ่อล ใน ลา ลีกา สเปน

หรือ 2 ดาวยิงอย่าง เสี่ยว จื้อ กับ เกา หลิน สองแข้งที่ซัดประตูเขี่ยไทยตกรอบในเอเชียน คัพ 2019 ก็ไม่ติดทีมชุดนี้กันทั้งคู่

ขุนพลมังกรชุดนี้มีนักเตะชุดลุยบอลเอเชียเมื่อต้นปีเพียง 9 คนเท่านั้น และที่น่าสนใจคือมีแข้งหน้าใหม่ถึง 4 คนติดทีมเข้ามา

อย่างไรก็ตาม แม้ จีน ชุดนี้แทบจะไม่มีชื่อคุ้นหูแฟนบอลไทย หรือไม่มีดาวดังที่ดูน่าเกรงขามเลย แต่ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาคือทีมเบอร์ 8 ของเอเชีย และที่สำคัญได้เล่นในบ้านด้วย ยังไงก็แล้วแต่การที่ ไทย จะบุกไปชนะได้ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน

5. โค้ชโต่ยวัดกึ๋น 2 ตำนานอิตาลี

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ที่เข้ามาคุมทีมชั่วคราวเพิ่งจะได้มีโอกาสดวลกึ๋นกับ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ โค้ชที่พาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์โลก 2006

แม้ในตอนนั้นจะเป็น “โค้ชโต่ย” ที่ผิดหวังไป แต่ก็ต้องยอมรับว่านั่นคือประสบการณ์สุดล้ำค่าสุดๆ ที่ได้ดวลกับโค้ชระดับโลกขนาดนี้

แต่ที่น่าสนใจคือ โค้ชชาวไทย เตรียมได้วัดแท็กติกกับตำนานอิตาลีอีกครั้งหลัง ทีมชาติจีน แต่งตั้ง ฟาบิโอ คันนาวาโร่ อดีตกองหลังกัปตันทีมที่ทำหน้าที่ชูถ้วยบอลโลก 2006 มาคุมทีมแทน ลิปปี้ ที่ลาออกไป

ซึ่ง ลิปปี้ ก็ไม่ได้หายไปไหนเพราะเขาเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้ คันนาวาโร่ อยู่ในตอนนี้ เท่ากับว่า “โค้ชโต่ย” เตรียมได้ดวลกับตำนานวงการฟุตบอลอิตาลีพร้อมกันถึง 2 คนเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามแม้ประสบการณ์ หรืออะไรต่างๆ “โค้ชโต่ย” จะน้อยกว่าแบบเทียบกันไม่ติด แต่บอกเลยถ้าเจ้าภาพประมาท มีน้ำตาตกในคาบ้านได้เหมือนกัน

การไปลุย ไชน่า คัพ 2019 ครั้งนี้ของ ทีมชาติไทย ไม่ใช่ไปเพื่ออุ่นเครื่องเท่านั้นเพราะนอกจาก จีน แล้วยังมีทั้ง อุรุกวัย และ อุซเบกิสถาน ที่เราจะต้องดวลอีกแน่ๆ 1 ทีม

ซึ่งนี่คือการไปเก็บประสบการณ์ชั้นยอด และที่สำคัญกว่านั้นคือหากทำผลงานได้ดี มันส่งผลต่อฟีฟ่าแรงกิ้ง ก่อนที่กลางปีนี้จะมีการแบ่งสาย ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย

และหาก ทัพช้างศึก สามารถทำอันดับได้ดี ก็มีโอกาสที่จะได้ดวลกับทีมที่ไม่แกร่งมาก และนั่นก็จะส่งผลดีทำให้ ทัพช้างศึก ได้ลุ้นไปไกลอีกครั้งแน่นอน!!