กลับกัน ทีมชาติจีน เพิ่งจะแข่งเสร็จไปในวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ ทัพช้างศึก มีเวลาได้พักมากกว่าถึง 2 วันเต็มๆ
ซึ่งแน่นอนว่าในรายการทัวนาเมนต์ยาวๆ แบบนี้ จุดนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกันต่อการฟื้นฟูทั้งร่างกาย และอาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ที่ตามมา
2. ช้างศึกไม่ต้องย้ายสนาม
สำหรับสนามที่จะใช้แข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของคู่นี้คือ ฮัสซ่า บิน ซาเยด สเตเดี้ยม ในเมืองอัล ไอน์
ทำให้นี่กลายเป็นจุดได้เปรียบของ ทีมชาติไทย อีกครั้งหลังเราเพิ่งลงเล่นที่สนามนี้ไปในเกมนัดเสมอกับ ยูเออี 1-1 ที่ผ่านมานี้เอง
ทำให้ทีมงานช้างศึก ไม่ต้องเดินทางไปไหนเลย แถมยังมีความคุ้นเคยกับสนามมากกว่าแน่ๆ หลังมีโอกาสได้ลงเล่นทั้งในการแข่งขันจริง และฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่อง
กลับกัน ทีมชาติจีน ต้องเดินทางมาจากเมืองอาบูดาบีราวๆ 160 กิโลเมตร เพื่อมาลงเล่นในรอบนี้ ทำให้นี่น่าจะเป็นอีกปัจจัยนึงที่ ไทย จะได้เปรียบ จีน อยู่บ้างเหมือนกัน
3. จีนไร้ หวู่ เหล่ย
หลังจากที่ ทีมชาติจีน ลงประเดิมสนามนัดแรกชนะ คีร์กิซสถาน 2-1 ก่อนจะมาชนะ ฟิลิปปินส์ 3-0 พวกเขาก็ต้องพบกับข่าวร้ายสุดๆ เมื่อซุปตาร์ของทีมอย่าง หวู่ เหล่ย ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่
ทำให้เขาพลาดลงสนามในเกมตัดสินแชมป์กลุ่มกับ เกาหลีใต้ จริงอยู่ที่สื่อจีนออกมาบอกว่าข่าวที่จะส่ง หวู่ เหล่ย กลับจีนเป็นเรื่องที่ไม่จริง
แต่เมื่อดูรูป และฟิล์มเอ็กซเรย์ ต้องบอกเลยว่าน่าจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะได้ลงสนามในเกมพบกับไทยเหมือนกัน
ซึ่งชัดเจนเลยว่าการไม่มี หวู่ เหล่ย มันทำให้ความน่ากลัวของ จีน ลดลงไปมากเหลือเกิน เอาง่ายๆ แค่ย้อนกลับไป 10 นัดหลังสุดที่ตัวรุกวัย 27 ปีรายนี้ลงช่วยชาติเขายิงไปถึง 6 ประตู มากกว่าทุกคนในทีมที่อยู่ในชุดนี้
โดยเฉพาะในเกมอุ่นเครื่องเมื่อกลางปี 2018 ที่ จีน บุกมาชนะ ไทย ได้ถึงถิ่น 2-0 ก็ล้วนมาจากการยิงของ หวู่ เหล่ย ทั้งสิ้น
ชัดเจนเลยว่าการไร้ตัวทีเด็ดไปแบบนี้ก็อาจจะส่งผลให้แนวรับไทย ไม่ต้องเจอกับเกมรุกที่ดุดันของจีนเหมือนเดิมก็ได้
4. จีนมีปัญหาเรื่องจบสกอร์
แม้ ทีมชาติจีน จะถือเป็นทีมยักษ์ใหญ่ในระดับเอเชีย แต่เอาเข้าจริงพวกเขาก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าทีมพวก เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่ง ออสเตรเลีย ก็ตาม
ที่น่าสนใจคือ ขุนพลมังกรชุดนี้ดูจะมีปัญหาเรื่องการจบสกอร์พอสมควร โดยสามเกมแรกพวกเขามีโอกาสยิงไปถึง 29 ครั้ง แต่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้เพียง 5 ลูกเท่านั้น
กลับกันเกมรับของ จีน ก็ไม่ได้แน่นขนาดนั้นด้วยในเกมแรกพวกเขาปล่อยให้ คีร์กิซสถาน ได้ส่องถึง 10 ครั้งเลยทีเดียว ยิ่งการมาดวลกับยอดทีมอย่าง เกาหลีใต้ ก็ชัดเลยว่ามาตรฐานห่างกันมากทีเดียว หลังแพ้ไปแบบสู้ไม่ได้ 0-2
ซึ่งหาก “โค้ชโต่ย” ลองวิเคราะห์จุดเด่น-จุดอ่อนของ จีนดูดีๆ และเปลี่ยนเป็นการโจมตีได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะคว้าชัยได้เหมือนกัน
5. ไทยกำลังลงตัว
หลังจาก ทีมชาติไทย ปลด มิโลวาน ราเยวัช พ้นตำแหน่งพร้อมดัน “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย มาคุมทีมชั่วคราวแทนไปก่อน
แต่แล้วก็ดูเวิร์คทีเดียวเมื่อ “โค้ชโต่ย” จัดการปรับทีมใหม่มาใช้แผน 3-4-1-2 พร้อมกับการใช้นักเตะให้เล่นในตำแหน่งที่พวกเขาถนัด
ทำให้สองเกมล่าสุด ทัพช้างศึก เริ่มคืนฟอร์มเก่งขึ้นมา และกำลังลงตัวสุดๆ แต่จุดสำคัญอยู่ที่เกมรับว่า “โค้ชโต่ย” จะแก้ไขยังไงเมื่อขาด สุพรรณ ทองสงค์ กับ อดิศร พรหมรักษ์ จะติดโทษแบน รวมทั้ง มิก้า ชูนวลศรี ที่ต้องรอเช็คอาการบาดเจ็บ
เพราะบอกเลยหากปรับจุดนี้ได้ดี และลงตัวโอกาสที่จะพลิกชนะจีนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเหมือนกัน
นี่ก็เป็นเพียงเหตุผลที่คิดว่า ทีมชาติไทย พอจะมีความได้เปรียบ ทีมชาติจีน อยู่บ้าง และบางทีจุดเล็กๆ พวกนี้อาจทำให้ ทัพช้างศึก ล้มยักษ์สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ต่อไปก็ได้ใครจะรู้….