มิโลวาน ราเยวัช เปิดใจก่อนลุย คิงส์คัพ ครั้งที่ 46 ชีวิตการคุมทีมชาติไทยในรอบปีที่ผ่านมา
ทีมชาติไทย กำลังจะประเดิมสนามรายการแรกของปี 2018 ด้วยการลงป้องกันแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 46
ซึ่งปีนี้มีความพิเศษสุดๆ หลังได้ทีมอย่าง สโลวาเกีย, กาบอง และ ยูเออี มาร่วมโม่แข้งภายใต้คอนเซ็ปต์ศึก 3 ทวีป โดยทั้ง 3 ทีมต่างขนนักเตะดาวดังมาแบบเต็มสูบเลยทีเดียว
ทำให้ครั้งนี้น่าจะเป็นศึกใหญ่ที่สุดของ มิโลวาน ราเยวัช ที่จะได้คุม ทัพช้างศึก ลงเล่นนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชตั้งแต่ช่วงกลางปี 2017 เลยก็ว่าได้
และวันนี้ทีมงาน Balltoro ได้เข้าไปสัมภาษณ์กุนซือชาวเซอร์เบียแบบสุดพิเศษ ถึงความพร้อมต่างๆก่อนลุยคิงส์คัพ 2018 และรีวิวชีวิตการคุมทีมช้างศึกตลอดขวบปีที่ผ่านมาให้เราฟัง
ย้อนไปเมื่อปีก่อน เพราะอะไรถึงเลือกมาคุมช้างศึก?
“ผมอยากจะหางานที่ท้าทายเพื่อที่จะกลับไปสู่ฟุตบอลอันยอดเยี่ยมอีกครั้ง ตอนได้คุยกับสมาคมฟุตบอลไทย พวกเรามีเป้าหมายตรงกัน”
“ช่วง 4 ปีครึ่งที่ว่างงานผมได้รับข้อเสนอจากทีมชาติและสโมสรเยอะมากๆ แม้ว่าข้อเสนอบางอย่างจะให้มูลค่าเงินเยอะมากๆ ก็ตาม”
“ประเทศไทยมีศักยภาพสูงที่เราสามารถพัฒนาได้ ดูได้จากผลงาน 1 ปีที่ผ่านมาของเรา”
วัฒนธรรมไทยต่างจากที่อื่นไหม?
“เป็นคำถามที่ดีมากนะ ผมเคยทำงานหลายทวีป หลายประเทศ หลายศาสนา ประเทศไทยมีการต้อนรับที่ดี ยิ้มรับตลอด เป็นในเชิงบวก นี่เป็นเชิงคุณภาพที่ดีที่สุดของคนไทยเลยครับ”
“แต่เราต้องมีความจริงจังทุกอย่าง ต้องมีความกระหายในชัยชนะเมื่อลงไปเล่น ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่ดี เทคนิค สปีด สำคัญ ผู้รอดเท่านั้นที่จะชนะในสนาม”
1 ปีที่ผ่านมา ทีมชาติไทยพัฒนาเรื่องแท็กติก และ การตั้งรับ คิดยังไงเกี่ยวกับแท็กติกนี้?
“แน่นอนเราได้มีการเตรียมการเรื่องแท็กติก เพราะฟุตบอลสมัยใหม่มันสำคัญมากซึ่งเราต้องเปลี่ยนแปลงให้ดีทั้งการตั้งรับและการโต้กลับ”
“ผลการแข่งขันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่เกมรับก็สำคัญ เพราะฉะนั้นผมก็จะใช้ผู้เล่นให้มีประโยชน์เช่นกัน”
ทีมชาติไทยมีปัญหา 2 อย่าง เรื่อง การยิงประตู กับ สภาพร่างกาย คุณจะแก้อย่างไร?
“ฟุตบอลมีการเปลี่ยนพัฒนาไปเรื่อยๆ ทั้งสภาพร่างกาย สรีระ เทคนิค ความรู้ แท็คติก ในเรื่องของจิตใจ การฟื้นฟู ทุกอย่างสำคัญมาก”
“ตัวเลือกในการยิงประตูในไทยลีก ผู้เล่นแนวรุกส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ ทำให้การพัฒนาน้อย แต่ทีมมันสำคัญกว่าผู้เล่น คุณต้องปรับตัวกับทุกสภาวะให้ได้ ถ้าเราจะแข่งกับทีมที่ดีที่สุดในเอเชีย เราต้องพัฒนา แสดงผลงานที่ดีในทุกตำแหน่งออกมา”
“ตอนที่ผมทำงานอยู่ที่กานา ผมต้องพัฒนาหลายด้านมาก ต้องเปลี่ยนในสิ่งที่ไม่ดี เพื่อผลการแข่งขันให้ออกมาดีกว่าเดิม เราแก้ปัญหาให้ทีมเพื่อแข่งขันกับทีมที่ดีที่สุดในโลก”
“สถานการณ์ตอนนั้น ผมรับผิดชอบ 2 ทีม คือ 1. ทีมที่มีผู้เล่น Local อย่างเดียว กับ ทีมที่เป็นผู้เล่น แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ซึ่งผลออกมาคือ เราเข้ารอบบอลโลกปี 2010 และเสียประตูน้อย หลังจากนั้นนักเตะหลายคนก็ได้รับข้อเสนอที่ดีอย่างมากมาย”
“ปีแรกที่กานา มีการแข่งขันเยอะมาก แต่สำหรับปีแรกในทีมชาติไทยของผมมีแต่แมตซ์อุ่นเครื่อง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เราได้เห็นการสนับสนุนที่ดีกับสมาคมฟุตบอล ให้พวกเรามีอิสระทำงานอย่างเต็มที่”
คุณคิดว่า นักเตะอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน และ ธีรศิลป์ แดงดา พัฒนาขึ้นในจุดไหนบ้าง หลังจากไปค้าแข้งในลีกต่างประเทศ?
“มันดีมากที่มีผู้เล่นเหล่านี้ที่ไปเล่นต่างแดน เอาประสบการณ์เหล่านี้มาพัฒนาประเทศชาติ”
“4 คนนี้ น่าจะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในประเทศไทยแล้ว”
วิธีไหนที่จะทำให้ สิโรจน์ คนเดิมกลับมา?
“ทุกครั้งที่ปีโป้ลงมาเป็นตัวสำรอง เขาเป็นนักเตะที่มีความสามารถไม่มากก็น้อย ก็ทำให้การทำเกมมีชีวิตชีวาขึ้น คู่ต่อสู้เล่นได้ยากขึ้น”
“ถ้าดูทีมดีๆ เราไม่มีผู้เล่นแบบปีโป้อยู่ในทีม อีกอย่างตัวเลือกในทีมเราผู้เล่นแบบนี้มีไม่เยอะ เพราะส่วนใหญ่สโมสรใช้ผู้เล่นต่างชาติ”
ทำไมต้องเลือก ชินภัทร์ ลีเอาะ มาติดทีม?
“เขาเป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพสูง ดูได้จากผลงานก่อนหน้านี้ในไทยลีก ผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์มีต่างชาติหลายคน ซึ่งผมเห็นศักยภาพในตัวเขา เขาจะได้ทำงานกับนักเตะที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับการแข่งขันระดับทีมชาติ”
“เราต้องมองหาระบบเกมรับที่ดี และผู้เล่นที่มีวินัย ดูได้จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ปีที่แล้ว พวกเขาเสียประตูน้อยมาก อย่างโคราช ก็มี เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ที่มีวินัยการตั้งรับที่ดีมากๆ”
พูดถึงคิงส์คัพกันดีกว่า ปีนี้ต่างจากปีก่อนแค่ไหน??
“ทีมที่มาในรอบนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก มีผู้เล่นระดับโลกหลายคน แต่สิ่งหนึ่งที่มันแตกต่างกัน ผมมองว่ามันอยู่ที่บรรยากาศในห้องแต่งตัว หากผู้เล่นทุกคนในห้องแต่งตัวได้รับบรรยากาศที่ดี ก็ถือว่าเรามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว”
“อยากให้ทุกคนรีแล็กซ์ เหนือสิ่งอื่นใด ทุกอย่างในสนามต้องเพอร์เฟ็กต์ มีวินัย ขึ้นอยู่กับผู้เล่นของเรา ว่าจะเต็มที่กับมันรึยัง เราจะ ชนะ แพ้ เสมอ มันอยู่ที่ความพยายามของเราทั้งหมด”
“หากเราแพ้ เราก็ต้องเรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดไป ได้ความรู้ ประสบการณ์ใหม่ๆ ฟุตบอลคือเรื่องของวันใหม่ เราต้องพัฒนาตัวเอง”
“ผู้เล่นบางคนที่เพิ่งได้แชมป์คิงส์คัพเป็นครั้งแรก ครั้งนี้เขาอาจจะยังไม่เข้าใจวินัยในสนาม บางคนก็เลยไม่ได้มีชื่อติดทีมชุดนี้ ผู้เล่นหน้าใหม่ก็มาแทน เรามองหาผู้เล่นที่มีความสามารถและเข้ากับแท็กติกได้อย่างดีเสมอ”
มองอย่างไรที่จะได้เล่นกับ สโลวาเกีย, กาบอง และ ยูเออี?
“คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ คิดว่าทีมเหล่านี้ศักยภาพไม่ได้ดีมาก แต่ถ้าดูจริงๆ ทีมเหล่านี้มีศักยภาพและคุณภาพที่สูงมากๆ”
“แฟนบอลหลายคนจะได้เห็นผู้เล่นระดับคุณภาพ เราได้เล่นกับทีมระดับโลก นักเตะไทยจะได้พัฒนาแสดงศักยภาพออกมาได้”
“สโลวาเกียใกล้มากที่จะได้ไปเล่นบอลโลก, กาบองเป็นทีมที่แข็งแกร่งมาก และถ้าดูจากผลงานพวกเขาทำได้ดีมากๆ”
“ทีมที่มาอาจจะคิดว่าจะมาชนะเราง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงมันจะเป็นการแข่งขันที่ดีที่สุดของผม อย่างคิงส์คัพปีที่แล้ว เราชนะ เกาหลีเหนือ 3-0 และชนะเบลารุสในรอบชิง ซึ่งถ้าดูจากทีมที่เข้ามาแข่งขันถือว่าเป็นอุปสรรคสำหรับทีมชาติไทยเราอย่างใหญ่หลวง”
พูดถึงปีนี้ที่จะมีฟุตบอลโลก และเป้าหมายของทีมชาติไทยในปีนี้ของคุณ
“ฟุตบอลโลกที่รัสเซียเราและแฟนบอลจะได้เห็นว่ามันสำคัญขนาดไหน และฟุตบอลเปลี่ยนไปแค่ไหน คอยดูไปด้วยกันว่าฟุตบอลจะพัฒนาไปอย่างไร”
“มันสำคัญมากที่เราต้องมีเวลาการเตรียมทีม คือ ซูซูกิคัพ และ เอเชียน คัพ เพื่อที่จะพัฒนาว่า เราสามารถสู้กับทีมที่ดีที่สุดได้ในทวีปเอเชีย
“เป้าหมายของเราอันดับ 1 คือ เอเชียน คัพ และก็หวังว่าเราจะอยู่ใกล้ศักยภาพที่ดีที่สุดของเอเชีย มันจะแสดงให้เห็นว่า เรามีคุณสมบัติมากพอที่จะไปบอลโลกในอนาคตได้”
อยากฝากอะไรถึงแฟนบอลไทย ในศึกคิงส์คัพครั้งนี้?
“ก็เหมือนเดิม มาช่วยกันเชียร์ที่สนาม เชียร์ทีมชาติของเรา เราอยากเห็นแฟนบอลจำนวนมากๆ เพราะเค้าเป็นผู้เล่นคนที่ 12”
“แฟนบอลสามารถสร้างความแตกต่างได้ ผู้เล่นก็พร้อมอุทิศให้แฟนบอลอย่างเต็มที่ เพราะเบื้องหลังความสำเร็จของทีม ก็คือการสนับสนุนของแฟนบอล”
“อยากให้แฟนบอลมองโลกในแง่บวก เพื่อให้ทีมของเรามีผลลัพธ์ที่ดี”
“ที่ผ่านมาๆ สิ่งที่มันเปลี่ยนไปในวงการฟุตบอล ก็คือแฟนบอล แฟนบอลก็เหมือนกองทัพที่ดีที่จะสนับสนุนเราได้ตลอดเวลา”
