EXCLUSIVE : “นพพล พลคำ” เผยชื่อ 2 แข้งไทยลีกที่ไม่อยากเผชิญหน้า

ปีนี้จะลุยไทยลีกครั้งแรก

“การกลับมาครั้งนี้ ผมกดดันมากพอสมควร เพราะมันเป็นการเล่นไทยลีกครั้งแรกในชีวิตผม” กองกลางทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี กล่าวนำ

“ทุกอย่างในทีมมันแตกต่างจากเดิมหมด ทั้งตัวผู้เล่นที่มองไปทางไหนก็มีแต่นักเตะชั้นนำของประเทศและมีการแข่งขันสูง”

“แต่สำหรับผม มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ และได้ประสบการณ์จากรุ่นพี่มาปรับใช้กับตัวเรา”

พูดถึง “คูเปอร์” กุนซือใหม่

โดยฤดูกาลนี้ โปลิศ เทโร เอฟซี ได้ตัว สก็อตต์ คูเปอร์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวอังกฤษ เข้ามาเป็นเฮดโค้ชใหม่แทนที่ของ ไมค์ มัลวีย์

เด็กหนุ่มจากจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวถึงโค้ชคนปัจจุบันของทีมมังกรไฟว่า

“ไม่มีใครปฏิเสธถึงผลงานของเขา (สก็อตต์ คูเปอร์) เขามีประสบการณ์มากมาย และผ่านการคุมทีมระดับชั้นนำของเมืองไทยอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาแล้ว

รวมถึง อุบล ยูเอ็มที เมื่อฤดูกาลล่าสุด ผมมั่นใจว่าเขาจะพาสโมสรเราก้าวไปสู่จุดสูงสุดและมีอันดับที่ยอดเยี่ยมครับ”

เมื่อผู้สื่อข่าวยิงคำถามถึง “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอน แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ถึงวลีเด็ดที่สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองมีพลังต่อสู้ในสนามตลอด 90 นาที นพพล พลคำ ให้สัมภาษณ์ว่า

“พี่เตี้ยเป็นโค้ชที่เก่งมากๆ ครับ คำพูดนึงที่แกจะชอบพูดกับผมตอนซ้อม คือ ตั้งใจให้ตลอด มันอาจจะไม่ใช่คำพูดที่สวยหรูนะครับ แต่พอผมได้ยินมันทุกครั้ง มันทำให้เรากระหายและมีแรงต่อสู้”

เผย 2 คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด

พร้อมกันนี้ กองกลางแห่งค่าย โปลิศ เทโร เอฟซี ได้เปิดเผย 2 ผู้เล่นไทยลีก ที่ตนเองไม่อยากเจอในสนามใน ฤดูกาล 2018 ที่ใกล้จะเปิดฉากแล้ว

“2 นักเตะที่ผมไม่อยากเจอเลยนะพี่ มีทั้งคนไทยและต่างชาติ”

“คนแรก คือ มาริโอ ยูรอฟสกี้ เขาเล่นตำแหน่งกลางรุก ผมเล่นกลางรับ นั่นหมายความว่า เราต้องเจอกันตลอด 90 นาที”

“มาริโอ เป็นนักเตะที่เซนต์บอลสูงมาก และมีจินตนาการที่ยอดเยี่ยม หากเราประกบเขาห่าง หรือปล่อยให้เค้ามีพื้นที่เล่น มันเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ”

“อีกคนคือ พี่โน๊ต จักรพันธ์ แก้วพรมครับ แกเป็นกองกลางที่เล่นบอลง่าย ครบเครื่องทุกอย่าง พาบอลไปในจุดที่ตัวเองเล่นได้ และทำให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ สามารถเล่นบอลได้ง่าย และมีโอกาสสูงที่จะได้ประตู เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นที่สุดยอดจริงๆครับ” นพพล พลคำ กล่าวทิ้งท้ายกับทีมข่าว BALLTORO