5 ประเด็นห้ามพลาดซูเปอร์บิ๊กแมตช์ไทยลีก 2018 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ถือเป็นซูเปอร์บิ๊กแมตช์ของศึกไทยลีก 2018 ยกแรกของปีนี้เลยก็ว่าได้
แม้ในตารางคะแนนทั้งสองทีมจะดูห่างกันมากเหลือเกิน แต่บอกเลยว่านี่เป็นเกมที่มีศักดิ์ศรีค้ำคอมากเหลือเกิน
และนี่คือ 5 ประเด็นเด็ดที่บอกเลยว่าหากคุณเป็นแฟนบอลไทยต้องห้ามพลาดเด็ดขาด!!
บุรีรัมย์พ่ายคาบ้านในลีกเกมเดียว!!
จากการพบกันมารวมทุกรายการ 27 ครั้งของทั้งคู่เป็น บุรีรัมย์ ที่ชนะมากถึง 12 ครั้ง ส่วนเมืองทอง ชนะ 5 และจบลงด้วยการเสมอกันไป 10 ครั้งเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจคือ หากนับเฉพาะเกมลีก กิเลนผยอง เคยบุกมาชนะได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปี 2016 ที่บุกมาถล่ม 3-0 หลังก่อนหน้านั้นไม่ชนะ เซราะกราว มานาน 6 ปี
แต่เมื่อมาลองดูสถิติการพบกัน 6 เกมหลังสุดปรากฎว่า ทัพปราสาทสายฟ้า แพ้ไปถึง 4 ครั้ง และชนะเพียง นัดเดียวเท่านั้น
หากจะบอกแบบสรุปง่ายๆคือปี 2010-2015 เป็นของ บุรีรัมย์ ส่วนปี 2016 ตกเป็นของ เมืองทอง นั่นเอง
เมืองทองประเดิมโค้ช-ชาช่าลุ้นยิงทีมเก่า!!
เกมนี้ถือเป็นการประเดิมคุมทีมของ ราโดวาน เคอร์ซิซ ลงสนามอย่างเป็นทางการนัดแรก หลังเพิ่งเข้ามารับหน้าที่กุนซือ กิเลนผยอง ได้ไม่นาน
แม้จะมีเวลาไม่มาก แต่ที่น่าสนใจคือจากสถิติที่ผ่านมา เมืองทอง ไม่เคยชนะ บุรีรัมย์ ได้เลยสักนัดหากใช้โค้ชเป็นชาวต่างชาติ
ทำให้เกมนี้น่าจะเป็นเกมที่ เคอร์ซิซ จะได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีของมากแค่ไหน นอกจากนี้เรายังมีโอกาสได้เห็น ชาช่า ลงสนามพบทีมเก่าเป็นครั้งแรกอีกด้วยหลังบาดเจ็บไปสักระยะแล้ว
หากจำกันได้ดีส่วนหนึ่งที่ ทัพปราสาทสายฟ้า ทวงแชมป์ไทยลีก 2017 คืนมาได้ก็เป็นเพราะ 34 ประตูที่เขาซัดให้ทีมในปีที่แล้วนั่นแหละ
กลับกันในปีนี้น่าสนใจทีเดียวว่าหาก ชาช่า ได้ลงสนามจะได้รับการต้อนรับอย่างไรจากแฟนบอล เซราะกราว??
ดิโอโก้ VS เฮแบร์ตี้!!
หากจะหาคนที่อันตรายสุดของ บุรีรัมย์ ตอนนี้ต้องยกให้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ที่ตอนนี้ซัดให้ทีมไปแล้ว 12 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ ขึ้นนำดาวซัลโวเดี่ยวๆมาเป็นเดือนแล้ว
อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ยู จุน-ซู ที่เล่นได้หมดทุกตำแหน่งแถมเล่นได้ดีอีกด้วย แม้ส่วนใหญ่จะถูกถอยไปเล่นเกมรับ แต่กลายเป็นว่าเขายิงได้ถึง 2 ประตูเป็นรองเพียง ดิโอโก้ กับ เอ็ดการ์ บรูโน่ (3 ประตู) เท่านั้น
ที่น่าสนใจคือตอนนี้ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส กำลังอยู่ในช่วงที่ร้อนแรงเหลือเกินหลังซัดไปแล้ว 9 เม็ดขึ้นรั้งรองดาวซัลโว โดยมีทีเด็ดที่ลูกฟรีคิกที่กดไปแล้วถึง 3 ประตู
เช่นเดียวกับ ทริสตอง โด ที่ถูกขยับไปเล่นเป็นปีกขวาและทำได้ดีทีเดียวยิง 4 เกมติดรวม 5 ประตู ทำให้เกมนี้น่าจะเป็นการดวลเดือดแนวรุกที่น่าสนใจสุดๆว่าใครจะคมกว่ากัน??
เซราะกราวยังมีเกม ACL!!
จริงอยู่ที่เกมนี้สำคัญกับ บุรีรัมย์ สุดๆเพราะนอกจากจะเป็นการเจอทีมคู่รักคู่แค้นที่แพ้ไม่ได้แล้ว พวกเขายังต้องระวัง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จี้มาเหลือ 2 แต้มตอนนี้ เพราะหากแพ้เกมนี้มีสิทธิ์เสียจ่าฝูงสูงเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ทัพปราสาทสายฟ้า ยังมีเกมใหญ่ในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ต้องเปิดบ้านพบ ชุนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ส ยอดทีมจากเกาหลีใต้ ในวันอังคารที่จะถึงนี้อีก
ทำให้ โบซิดาร์ บันโดวิช น่าจะต้องคิดหนักทีเดียวว่าจะจัดตัวผู้เล่นอย่างไรให้เหมาะสม และพร้อมที่สุดสำหรับ ACL