ลุ้นช้างศึกคว้าชัย!! 5 เรื่องต้องดู ทีมชาติไทย บุกฟัด ฮ่องกง

ลุ้นช้างศึกคว้าชัย!! 5 เรื่องต้องดู ทีมชาติไทย บุกฟัด ฮ่องกง
ลุ้นช้างศึกคว้าชัย!! 5 เรื่องต้องดู ทีมชาติไทย บุกฟัด ฮ่องกง

5 ประเด็นต้องดูเกมอุ่นเครื่องที่ ทีมชาติไทย จะบุกไปเยือน ทีมชาติฮ่องกง

คืนวันนี้แล้วที่ ทีมชาติไทย จะมีแมตช์แข่งในรอบเกือบๆ 4 เดือนเลยทีเดียวด้วยการบุกไปเยือน ทีมชาติฮ่องกง ซึ่งถือเป็นเกมระดับเอแมตช์ที่ได้รับการยอมรับจาก FIFA ด้วย

หากดูแรงกิ้งแล้ว ทัพช้างศึกดูเหนือกว่าพอสมควรหลังอยู่ที่ 122 ของโลก ส่วน ฮ่องกง อยู่อันดับ 144

แต่จากสถิติการพบกันทั้งหมดที่ฟีฟ่าบันทึกไว้ 25 ครั้ง กลับเป็น ฮ่องกง ที่เหนือกว่าด้วยผลงานชนะ 11 เสมอ 6 ส่วน ไทย ชนะไปเพียง 8 ครั้งเท่านั้น

และนี่คือ 5 เรื่องสำคัญที่แฟนบอลไทยต้องห้ามพลาดชมเกมนัดนี้เด็ดขาด!!

1. แข้งใหม่ลุ้นเปิดซิง

ทีมชาติไทย ชุดนี้มีแข้งหน้าใหม่ที่ถูกเรียกมาติดเพียบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ราย ที่เพิ่งมีชื่อในยุค มิโลวาน ราเยวัช ครั้งแรกคือ ศุภชัย ใจเด็ด, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, ปกรณ์ เปรมภักดิ์, มาร์โก บัลลินี่ และ วรวุฒิ ศรีสุภา

บวกกับอีก 3 แข้งฟอร์มดีอย่าง สุมัญญา ปุริสาย, กรกช วิริยอุดมศิริ และ ชนานันท์ ป้อมบุบผา ที่เคยถูกกุนซือชาวเซอร์เบียเรียกติดทัพมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับโอกาสลงสนามให้ช้างศึกยุคนี้เลย

ซึ่งจากรายชื่อ 23 คนแล้ว บอกตรงๆ มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นพวกเขาเหล่านี้ประเดิมสนาม โดยเฉพาะ “เจ้าตั๊ก” และ “เจ้าอาร์ม” ที่ฟอร์มดีสุดๆ ในไทยลีกซีซั่นที่ผ่านมา

แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องมานั่งลุ้นว่าเฮดโค้ชชาวเซอร์เบียรายนี้ จะอยากลองแข้งหน้าใหม่มากแค่ไหนกัน??

2. ไร้แข้งเจลีกครั้งแรก

ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสุดสำคัญของ ทีมชาติไทย ชุดนี้ ที่จะอดใช้งานซูเปอร์สตาร์ที่กำลังค้าแข้งที่เจลีกพร้อมกันทั้ง 3 คนเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็น  ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน นับตั้งแต่ที่ทั้ง 3 หน่อได้ต้นสังกัดใหม่ที่แดนปลาดิบกันหมดในปี 2018

แน่นอนว่าเกมนี้อาจจะเป็นการจำลองทีมเพื่อเตรียมลุย ซูซูกิ คัพ 2018 ก็ว่าได้ เพราะในช่วงเวลานั้น ทัพช้างศึก ก็ไม่สามารถใช้งานทั้ง 3 คนนี้ได้เหมือนกัน

หากย้อนกลับไปดู ก็ต้องยอมรับเลยว่า “เจ-อุ้ม-มุ้ย” คือแข้งไทยที่เก่งที่สุดในตำแหน่ง แบ็กซ้าย, เพลย์เมคเกอร์ และกองหน้า ในเวลานี้

นั่นยิ่งทำให้แฟนบอลไทยน่าจะติดตามชมฝีมือของ มิโลวาน ราเยวัช ว่าการขาดทั้งสามคนไปพร้อมๆ กันแบบนี้เขาจะมีแผนการรับมืออย่างไร??

3. ใครจะแทนกวินทร์

นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมาประตูของทีมชาติไทยก็มี กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นี่แหละยึดมือหนึ่งมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ยุคของ “โค้ชซิโก้” โดยมี สินทวีชัย หทัยรัตนกุล คอยสแตนด์บาย และได้รับโอกาสเฝ้าเสาแทนอยู่บ้าง

แต่ในคืนวันนี้ ทีมชาติไทย จะไม่มีทั้ง “เจ้าตอง” ที่ติดภารกิจกับต้นสังกัด โอเอช ลูเวิน ที่เบลเยียม รวมทั้ง “ซูเปอร์ตี๋” ที่เลิกเล่นทีมชาติไปแล้ว

ทำให้จะเป็นโอกาสของ 3 นายทวารอย่าง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, ฉัตรชัย บุตรพรม และ วรวุฒิ วงสุภา มาแย่งกันเป็นมือหนึ่ง

นอกจากเกมนี้แล้ว บางทีหากพวกเขาเหล่านี้ผลงานเข้าตา มิโลวาน ราเยวัช อาจส่งผลระยะยาวถึงมือหนึ่ง ช้างศึก ที่เตรียมไปป้องกันแชมป์ ซูซูกิ คัพ 2018 ก็ได้

4. ลุ้นแผนใหม่ราเยวัช!!

ตลอดระยะเวลาปีกว่าๆ ที่ มิโลวาน ราเยวัช เข้ามาคุม ทีมชาติไทย เรามักจะเห็นเขายึดระบบ 4-2-3-1 มาโดยตลอด โดยจะเป็นการเน้นแนวรับเป็นหลัก และแทบจะไม่มีการเปลี่ยนนักเตะในทีมเลย

แต่ต่างจากครั้งนี้ที่รายชื่อทั้งหมดเหลือตัวหลักที่ได้ลงสนามมาโดยตลอดแค่ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว กับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เท่านั้น แถมขาดแข้งต่างแดนทั้ง 4 คนอีกต่างหาก

ทำให้น่าติดตามดูสุดๆ ว่า 11 คนแรกของ ทัพช้างศึก คืนนี้จะออกมาในรูปแบบไหน และ เฮดโค้ชวัย 64 ปีรายนี้จะมีแท็กติกใดบ้างเพื่อบุกไปปราบ ฮ่องกง!!

5. สนามซ้อมแรกก่อนลุยซูซูกิ!!

หากจะบอกว่านี่คือสนามซ้อมอย่างเป็นทางการก่อนศึกใหญ่ป้องกันแชมป์ ​ซูซูกิ คัพ 2018 ปลายเดือนหน้า ก็คงจะไม่ผิดนัก

โดยเฉพาะทีมชุดนี้ต้องยอมรับเลยว่าขาดตัวหลักที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในแต่ละตำแหน่งครบทั้ง ผู้รักษาประตู, กองหลัง, กองกลาง และ กองหน้า

ทำให้เกมวันนี้น่าจะเป็นการลองทีมของ มิโลวาน ราเยวัช ว่าพวกเขาจะมีแผนไหนเอาไว้สำรองบ้าง และมีแข้งหน้าใหม่คนไหนที่ฟอร์มเข้าตาเพื่อติดทีมไปป้องกันแชมป์อาเซียนบ้าง

เพราะต้องยอมรับเลยว่าสำหรับถ้วย ซูซูกิ คัพ หาก ทีมชาติไทย ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ งานเข้ากันแน่นอน!!

 

กมนี้ถือเป็นอีกนัดที่น่าติดตามเหลือเกิน โดยเฉพาะ ทีมชาติไทย ที่มีแข้งหน้าใหม่เพียบ และนี่แหละคือเวทีซ้อมสุดสำคัญก่อนไปป้องกันแชมป์ ซูซูกิ คัพ 2018

ที่สำคัญคือชัยชนะนัดนี้จะส่งผลต่ออันดับฟีฟ่าแรงกิ้งด้วย และคืนวันนี้เรามาตามเชียร์ให้ ทัพช้างศึก บุกคว้าชัยถึง ฮ่องกง ให้ได้ พร้อมกันในเวลา 19.00 น.ตามเวลาประเทศไทย!!