ท่าเรือน่าย้ำแค้น!! 5 ปัจจัยชี้ชัด สิงห์เจ้าท่า น่าเปิดบ้านอัด เมืองทอง

ท่าเรือน่าย้ำแค้น!! 5 ปัจจัยชี้ชัด สิงห์เจ้าท่า น่าเปิดบ้านอัด เมืองทอง
ท่าเรือน่าย้ำแค้น!! 5 ปัจจัยชี้ชัด สิงห์เจ้าท่า น่าเปิดบ้านอัด เมืองทอง

5 ประเด็นชี้ชัด การท่าเรือ เอฟซี น่าเปิดบ้านชนะ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในนัดเปิดเลกสอง ศึกไทยลีก 2018

คืนวันนี้แล้วที่ศึกไทยลีก 2018 เลกสองจะกลับมาลงฟาดแข้งกันอีกครั้ง หลังพักเบรกไปราวๆ 2 สัปดาห์ด้วยกัน

ต้องบอกเลยว่าแค่เกมประเดิมครึ่งหลังของของซีซั่นก็มีคู่ใหญ่ๆ ให้ได้ติดตามชมกันเพียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาบู๊กันของคู่รักคู่แค้นอย่าง การท่าเรือ เอฟซี และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

และนี่คือ 5 ปัจจัยชี้ชัด สิงห์เจ้าท่า น่าเปิดบ้านย้ำชัยใส่ กิเลนผยอง ในคืนนี้!!

 

ท่าเรือในบ้านดุ

การท่าเรือ เอฟซี เป็น 1 ใน 4 ทีมที่มีผลงานการเล่นในบ้านดีที่สุดในเลกแรกเลยก็ว่าได้ หลังเก็บชัยได้ถึง 7 นัดแพ้เพียงเกมเดียว

เป็นรองแค่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ชนะ 9 นัด) และ พีที ประจวบ เอฟซี (ชนะ 7 เสมอ 1) (ราชบุรี มิตรผล ชนะ 7 แพ้ 1) เท่านั้น

และมีเพียงนัดเดียวเท่านั้นที่พวกเขาไม่สามารถยิงประตูได้ในบ้านนั่นคือเกมที่เปิดบ้านแพ้ แบงค็อก ไป 0-3

ขณะที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็มีผลงานเกมเยือนไม่ค่อยดีนัก (ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 2) โดยเฉพาะ 3 เกมเยือนหลังสุด พวกเขาเก็บได้แค่ 4 แต้ม โดย ชนะ เสมอ และแพ้ อย่างละนัด

แถมการเล่นใน แพท สเตเดี้ยม ก็ถือเป็นจุดแข็งของเจ้าถิ่นอย่าง สิงห์เจ้าท่า ด้วยบอกเลยเกมนี้ กิเลนผยอง เหนื่อยแน่!!

 

โบเล่เริ่มคัมแบ็ก

จริงอยู่ที่ตอนนี้ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส กำลังท็อปฟอร์มยิงให้ เมืองทอง อย่างต่อเนื่อง จนมีชื่อขึ้นเป็นรองดาวซัลโวไทยลีกหลังจบเลกแรกด้วยประตูรวม 14 ลูก

แต่ที่น่าสนใจคือ ดราแกน บอสโควิช เจ้าของดาวซัลโวไทยลีก 2017 ที่ช่วงแรกดูจะฟอร์มฝืดๆ ไป กลายเป็นว่า 4 เกมหลังสุดเขาซัดให้ ท่าเรือ ไปแล้ว 6 ประตู มากกว่า เฮแบร์ตี้ ซะอีก (4 นัดหลัง 5 ประตู)

จนล่าสุด “โบเล่” ก็กลับมามีชื่อติด Top 10 ดาวซัลโวเป็นที่เรียบร้อย

และแม้ดูรวมๆ เฮแบร์ตี้ จะครบเครื่องกว่าก็จริง แต่ถ้าวัดความมั่นใจทั้งภายในทีม และส่วนตัวช่วงก่อนปิดเลกแรก ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า บอสโควิช อาจจะกลับมาคืนฟอร์มแล้วก็ได้!!

 

ท่าเรือชนะมา 5 เกมติด

หากนับถึงตอนนี้ การท่าเรือ ชนะมาแล้ว 5 เกมติดต่อกัน และขยับไปรั้งที่ 3 ของตารางไว้ได้อย่างเหนียวแน่นมาสักระยะแล้ว

ที่ผ่านมา สิงห์เจ้าท่า เคยชนะติดต่อกันในลีกมานานสุดแค่ 6 เกมเท่านั้น (ปลายซีซั่น 2017-ต้นซีซั่น 2018) ทำให้หากเกมนี้พวกเขาคว้าชัยได้จะเทียบสถิติเก่าทันที

ขณะที่ เมืองทอง แม้พวกเขาจะชนะมา 3 เกมติดต่อกัน แต่ต้องยอมรับเลยว่าปีนี้ฟอร์มพวกเขาแกว่งไป แกว่งมาบ่อยเกินไปจริงๆ

โดยเฉพาะสามแต้มนัดนี้เมื่อเอามาเทียบในตารางคะแนนแล้วหาก ท่าเรือ คว้าชัยได้ แต้มจะถูกขยับช่องว่างออกไปไกลเป็น 7 คะแนนเต็มทันที

 

ท่าเรือฟูลทีมกว่า

ในเลกสอง เมืองทอง เริ่มได้แข้งหลักกลับมาจากอาการบาดเจ็บบ้างแล้วก็จริง แต่ในแนวรุกทั้ง เจนรบ สำเภาดี และ อดิศักด์ ไกรษร ก็ยังไม่สามารถกลับมาลงได้

แถม ชาช่า ก็ยังไม่ได้อยู่ในช่วงที่ฟอร์มดีด้วย เช่นเดียวกับ อดิศร พรหมรักษ์ ที่ติดโทษแบน ทำให้แนวรับเหลือตัวเลือกน้อยลงไปอีก

นอกจากนี้ยังปล่อยแข้งสำรองที่ได้ลงอยู่บ่อยๆ ไปหมดทั้ง รัชพล นาวันโน, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, สุขสันต์ มุ่งเป้า และ สิโรจน์ ฉัตรทอง

ต่างจาก การท่าเรือ ที่แข้งหลักอยู่ครบไม่ว่าจะเป็น ดราแกน บอสโควิช, เซร์คิโอ ซัวเรซ, นูรูล ศรียานเก็ม, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ รวมทั้งกัปตันทีมอย่าง ดาบิล โรเชล่า เรียกได้ว่าฟูลทีมเหลือเกิน

ทำให้นี่เป็นอีกปัจจัยนึงที่ดูแล้วเจ้าบ้านน่าจะกุมความได้เปรียบอยู่พอสมควร

 

2 ปีหลังกิเลนไร้ชัย!!

จากสถิติการพบกันบนลีกสูงสุดทั้งสองทีม 15 ครั้งเป็น เมืองทอง ที่คว้าชัยได้มากกว่า ชนิดที่ว่าแทบจะผูกขาดอยู่ฝั่งเดียวถึง 11 ครั้ง

ส่วน ท่าเรือ ชนะไปเพียง 3 ครั้ง และเสมอกันไป 2 หน แต่ที่น่าสนใจคือหากนับเฉพาะปี 2017 เป็นต้นมา กิเลนผยอง ยังไม่เคยคว้าชัยเหนือ สิงห์เจ้าท่า ได้เลย

โดยเฉพาะในเลกแรกก็เพิ่งถูก ลูกทีมของ “เซอร์เด็จ” บุกไปปราบมาถึง เอสซีจี สเตเดี้ยม 2-0 หากจะหาชัยนัดสุดท้ายของ เมืองทอง ต้องย้อนไปตั้งแต่เดือนกันยายนของปี 2015 ซึ่งถ้านับถึงตอนนี้ก็เกือบๆ 2 ปีเต็มเข้าไปแล้ว

 

นี่ถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีอีกนัดนึงของไทยลีกเลยก็ว่าได้ ยิ่งตอนนี้ การท่าเรือ เอฟซี กำลังอยู่ในช่วงที่มั่นใจอยู่ด้วยทำให้มีโอกาสสูงที่จะเปิดบ้านย้ำแค้นใส่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

แต่เกมระดับนี้แล้วไม่ว่าฟอร์มตอนนี้ทั้งสองทีมจะเป็นยังไงบอกเลย คืนนี้ดุเดือดแน่นอน!!