ซามูไรลุ้นสมัยที่ 5 !! 5 ปัจจัยชี้ ญี่ปุ่น น่าชนะ กาตาร์ ซิวแชมป์เอเชีย

ซามูไรลุ้นสมัยที่ 5 !! 5 ปัจจัยชี้ ญี่ปุ่น น่าชนะ กาตาร์ ซิวแชมป์เอเชีย
ซามูไรลุ้นสมัยที่ 5 !! 5 ปัจจัยชี้ ญี่ปุ่น น่าชนะ กาตาร์ ซิวแชมป์เอเชีย

5 เหตุผลชี้ชัดทำไม ญี่ปุ่น น่าชนะ กาตาร์ คว้าแชมป์เอเชียน คัพ 2019

คืนวันนี้แล้วที่เราจะได้รู้กันว่าจะเป็น ทีมชาติญี่ปุ่น หรือ ทีมชาติกาตาร์ ที่จะคว้าแชมป์ เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2019

ต้องยอมรับเลยว่านี่คือคู่ชิงที่สมศักดิ์ศรีสุดๆ เพราะทั้งสองชาติต่างคว้าชัยรวดตั้งแต่รอบแรกมาจนถึงรอบรองชนะเลิศ โดยเฉพาะ กาตาร์ ที่ท็อปฟอร์มสุดๆ หลังยิงไปแล้วถึง 16 ประตูมากสุดในรายการ แถมเป็นทีมเดียวที่ยังไม่เสียประตูเลยสักลูกด้วย

ในขณะที่ ซามูไรบลู ที่เริ่มต้นได้ไม่ดุดีนนักก็ค่อยๆ ฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุมาชิงได้เป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 8 ครั้งหลังสุดเลยทีเดียว

แม้หลายๆ อย่างจะทำให้ กาตาร์ มีลุ้นคว้าแชมป์สมัยแรก แต่นี่คือ 5 เหตุผลชี้ชัดว่าทำไม ญี่ปุ่น ถึงมีโอกาสซิวแชมป์เอเชียในคืนวันนี้มากกว่า??

 

ซามูไรไม่เคยพลาดนัดชิง

ทีมชาติญี่ปุ่น เพิ่งจะเข้าร่วมศึกเอเชียน คัพ ครั้งแรกในปี 1988 เท่านั้น แต่ที่น่าสนใจคือ ตลอด 8 ครั้งที่ผ่านมามีเพียงครั้งแรกเท่านั้นที่พวกเขาตกรอบแบ่งกลุ่ม เพราะหลังจากนั้นก็ผ่านไปลุยรอบน็อคเอาท์ทั้งสิ้น

และที่ต้องพูดถึงเลยคือ ซามูไรบลู เคยผ่านไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้ถึง 4 ครั้ง ในปี 1992, 2000, 2004,  และ 2011 ซึ่งก็คว้าแชมป์ได้แบบไม่เคยพลาดสักสมัย

แถมมีถึง 2 ครั้งที่เอาชนะทีมจากอาหรับได้ (ปี 1992 ชนะ ซาอุ 1-0, ปี 2000 ชนะ ซาอุ 1-0)

ทำให้ถึงตอนนี้ ญี่ปุ่น ที่เพิ่งเข้ามาลุยเอเชียน คัพ เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นกลายเป็นว่าพวกเขา ก้าวไปเป็นจ้าวอาเซียนด้วยการครองแชมป์มากสุด 4 สมัยเหนือทุกชาติไปเรียบร้อย

และวันนี้ก็มีโอกาสสูงทีเดียวที่ ขุนพลแดนปลาดิบ จะผงาดซิวแชมป์เป็นสมัยที่ 5 ได้สำเร็จ!!

 

ประสบการณ์ที่แตกต่าง

จริงอยู่ที่ ญี่ปุ่น ชุดนี้จะไร้ชื่อดาวดังอย่าง ชินจิ โอกาซากิ ,ชินจิ คางาวะ รวมทั้งอีก 2 คนที่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปแล้วอย่าง เคซึเกะ ฮอนดะ และ มาโกโตะ ฮาเซเบะ

แต่เมื่อลองดูรายชื่อ 23 คนที่ส่งมาลุยเอเชียน คัพ พวกเขาคือชาติที่มีแข้งลุยยุโรปมากสุดเหนือทุกชาติ เพราะมากถึง 14 คน

ต่างกับ กาตาร์ ที่มีเพียงดาวรุ่งอย่าง คาห์เลด โมฮัมเหม็ด คนเดียวเท่านั้นที่เพิ่งได้ไปลุยลีกรองของสเปนกับทีม เลโอเนซ่า ซึ่งเจ้าหนูวัย 18 ปีรายนี้ก็ยังไม่ใช่ตัวหลักของชาติด้วยซ้ำ

นอกจากนั้นหากดูจากรายชื่อ ทัพซามูไรบลู ตอนนี้มีถึง 3 คนที่อยู่ในทีมชุดแชมป์เอเชียน คัพ 2011 ประกอบไปด้วย มายะ โยชิดะ, ยูโตะ นางาโตโมะ และ ชูอิจิ กอนดะ

กลับกันนี่คือการเข้ามาชิงครั้งแรกของ กาตาร์ เพราะก่อนหน้านี้เคยไปไกลสุดแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

ที่สำคัญทีมชุดนี้มีมากถึง 17 คนที่เพิ่งเข้ามาเล่นเอเชียน คัพ รอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในชีวิต และเป็นดาวรุ่งที่อายุไม่ถึง 23 ปีเกือบครึ่งทีมเลยทีเดียว

แน่นอนว่าความมุ่งมั่น และความกระหาย กาตาร์ อาจจะดูได้เปรียบอยู่ แต่หากต้องมาวัดกันที่ความนิ่ง และประสบการณ์แล้ว ญี่ปุ่น ก็มีโอกาสเข้าวินมากกว่าพอสมควร

 

ญี่ปุ่นไม่แพ้มา 31 ปี

จากสถิติที่ทั้งสองทีมเคยดวลกันมาทั้งหมด 9 ครั้งถือว่าสูสีทีเดียวหลัง ญี่ปุ่น ที่ทำได้ดีกว่า หลังคว้าชัยไป 3 นัดเสมอ 4 นัดและเป็น กาตาร์ ที่ชนะไป 2 นัด

แต่ที่น่าสนใจคือครั้งล่าสุดที่ กาตาร์ คว้าชัยได้ต้องย้อนกลับไปในเอเชียน คัพ 1988 รอบแรก ที่ถล่มไป 3-0 และหลังจากนั้นอีก 31 ปีพวกเขาก็ไม่เคยทำสิ่งนี้ได้อีกเลย

ในขณะเดียวกันหากนับเฉพาะการดวลกันในเอเชียน คัพ ทั้งหมด 4 นัด มีสถิติเท่ากันเป๊ะๆ ด้วยผลชนะ 1 เสมอ 2 และแพ้ 1 นัด

แต่ด้วยผลงาน และคุณภาพทีมในช่วงหลังก็ต้องยอมรับว่ามาตรฐาน ญี่ปุ่น ดูจะเป็นต่อพอสมควร และมีโอกาสสูงทีเดียวที่พวกเขาจะยืดสถิตินี้ออกไปอีก

 

ปลาดิบดีขึ้นเรื่อยๆ

ต้องบอกก่อนเลยว่า ญี่ปุ่น ถือเป็นทีมเต็งในศึกเอเชียน คัพ อยู่แล้ว แต่กลายเป็นว่าการออกสตาร์ทเกมแรกด้วยการเฉือน เติร์กเมนิสถาน 3-2 แบบโดนนำไปก่อน

ต่อด้วยเฉือน โอมาน 1-0 จากจุดโทษ ก็ทำให้แฟนบอลหลายคนต่างมองว่ามาตรฐานของพวกเขาตกลงไปพอสมควร

แต่กลายเป็นว่า ทัพซามูไรบลู กลับค่อยๆ ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ชนะมาเรื่อยๆ จนกระทั่งรอบรองชนะเลิศ แข้งปลาดิบ โชว์ฟอร์มสุดโหดไล่ถล่มเต็งหนึ่งที่ยังไม่เสียประตูเลยก่อนหน้านี้อย่าง อิหร่าน ไปแบบขาดลอย 3-0 พร้อมทะลุเข้าชิงได้แบบยอดเยี่ยม

ถึงตอนนี้คงไม่มีใครกล้าพูดแล้วว่า ญี่ปุ่น ชุดนี้มาตรฐานตกลงไป และไม่ดีพอที่จะคว้าแชมป์สมัยที่ 5!!

 

อย่าปล่อยคู่หูกาตาร์เล่นง่าย

ในศึกเอเชียน คัพ 2019 คงไม่มีใครร้อนแรงไปกว่า อัลโมเอซ อาลี ดาวยิงกาตาร์ ที่ซัดไปแล้ว 8 ประตูจ่อคว้าดาวซัลโวแบบนอนมาคนเดียว

โดย อาลี มีโอกาสสับไกไปเพียง 12 ครั้งเท่านั้น ซึ่งจุดนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ากองหน้าวัย 22 ปีรายนี้มีความหน้ากลัวขนาดไหน

เช่นเดียวกับ อาคราม ฮัสซัน อาฟิฟ แนวรุกตัวสร้างสรรค์เกมที่นำโด่งแอสซิสต์ 8 ครั้ง และสร้างโอกาสให้ทีมมากถึง 20 ครั้ง

ทำให้ ญี่ปุ่น คงต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อจับตาย 2 แข้งนี้ให้ได้ เพราะหากสองคนนี้ทำอะไรไม่ได้เกมรุกกาตาร์ก็ดูดร็อปลงไปเยอะทีเดียว

ย้อนกลับไปในเกมชนะ อิหร่าน 3-0 ญี่ปุ่น ก็เคยทำให้เห็นแล้วว่าการไล่ประกบตัวเก่งฟอร์มดีอย่าง ซาดาร์ อัซมูน ไว้แบบไม่ให้มีช่องว่าก็ทำให้แนวรุกทีมเบอร์ 1 ของเอเชีย ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน

และก็นั่นแหละเพียง ซามูไรบลู ไม่ปล่อยให้ อัลโมเอซ อาลี กับ อาคราม อาฟิฟ ได้เล่นกับบอลง่ายๆ ก็มีสูงโอกาสทีเดียวที่จะดับ กาตาร์ ได้แบบไม่ยากนัก

 

คืนวันนี้หาก ญี่ปุ่น เอาชนะได้จะทำให้ พวกเขากลายเป็นแชมป์สมัยที่ 5 ครองจ้าวเอเชียสูงสุดตลอดกาลทันที แต่กลับกันหากเป็น กาตาร์ ที่ทำได้ก็จะทำให้ม้ามืดทีมนี้คว้าแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

และเวลา 21.00 น. เรามาตามลุ้นกันว่าสุดท้ายแล้วชาติไหนกันแน่ที่จะกลายเป็นเบอร์ 1 ของเอเชียในต้นปี 2019??