7 นักเตะทีมชาติไทย ฟอร์มดียุค มิโลวาน ราเยวัช ยึดตัวหลักอย่างต่อเนื่อง
ต้องบอกก่อนเลยว่า ทีมชาติไทยในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช มีนักเตะหลายคนที่ขึ้นมาแจ้งเกิดกันเป็นครั้งแรกในนามทีมชาติ
ซึ่งก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่กลับมาติดทัพช้างศึกอีกครั้ง ซึ่งทำผลงานได้ดีอีกต่างหาก และนี่คือ แข้งช้างศึกที่ท็อปฟอร์มในช่วงที่เฮดโค้ชชาวเซอร์เบียรายนี้เข้ามาจนกลายเป็นแข้งหลักของชาติไปแล้ว!!
พรรษา เหมวิบูลย์ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
ลงสนามไทยลีก 2017 : 26 นัด
แอสซิสต์ : 1 ครั้ง
ลงสนามทีมชาติไทยยุคราเยวัช : 6 นัด
พรรษา โชว์ฟอร์มได้ดีเหลือเกินกับการลงเล่นให้ บุรีรัมย์ ในปีนี้ จนทำให้ชื่อของเขาก้าวมาติดทีมชาติไทยตั้งแต่ชุดแรกของ ราเยวัช
ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ และแข็งแกร่งยิ่งทำให้ช่วยทัพช้างศึกรับมือลูกกลางอากาศได้ดีมากขึ้น ถึงตอนนี้ เจ้าโย่ง กลายเป็นแนวรับที่จะขาดไม่ได้เสียแล้ว หลัง 6 เกมหลังสุดเจ้าตัวลงเล่นเป็นตัวจริงแบบครบทุกนาทีให้ทีมมาโดยตลอด
เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว (นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี)
ลงสนามไทยลีก 2017 : 26 นัด
ลงสนามทีมชาติไทยยุคราเยวัช : 6 นัด
เรียกได้ว่าดังตามกันมากับ พรรษา เลยทีเดียว หลังจับคู่ลงเล่นกันในทีมชาติไทยได้อย่างลงตัว และแข็งแกร่งสุดๆ
แม้วัยจะเข้าสู่เลขสามแล้ว แต่ด้วยทางบอลที่แน่น เข้าบอลได้ดี และรับมือลูกกลางอากาศได้โอเคเลย ทำให้ เฉลิมพงษ์ เป็นอีกคนที่ลงสนามให้ทีมชาติไทย ยุคราเยวัชมาครบทุกนาทีเลยทีเดียว
และบอกได้เลยว่าถึงตอนนี้หากฟอร์มไม่หลุดจริงๆ คู่เซนเตอร์ช้างศึกน่าจะยังไม่มีเปลี่ยนแปลงไปอีกสักพักใหญ่เลย
ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด)
ลงสนามไทยลีก 2017 : 26 นัด
ยิง : 4 ประตู
แอสซิสต์ : 5 ครั้ง
ลงสนามทีมชาติไทยยุคราเยวัช : 5 นัด
กลับมาแจ้งเกิดในนามทีมชาติอีกครั้งจริงๆสำหรับ เจ้านิว หลังก่อนหน้านี้หายไปอยู่หลายปีเลยทีเดียว
ด้วยผลงานที่โดดเด่นเหลือเกินกับ เชียงราย ในซีซั่นนี้ ทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกแรกในการเล่นเป็นคู่มิดฟิลด์ตรงกลาง ด้วยสไตล์พันธุ์ดุของเขาทำให้แผงกลางเราดูแน่นขึ้นจริงๆ
และเกมเดียวที่ ฐิติพันธ์ พลาดลงสนามในยุคราเยวัช คือนัดบุกพ่าย ออสเตรเลีย 1-2 หลังเจ้าตัวติดโทษแบนจากการโดนใบแดงในเกมกับ อิรัก นั่นเอง
พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
ลงสนามไทยลีก 2017 : 23 นัด
แอสซิสต์ : 3 ประตู
ยิง : 4 ครั้ง
ลงสนามทีมชาติไทยยุคราเยวัช : 5 นัด
การมาของ ราเยวัช และแทบจะใช้งาน ธีราทร ไปเล่นเป็นตัวรุกในแผงกลางซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้พื้นที่ตรงแบ็กซ้ายเป็น พีระพัฒน์ ที่ครองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ด้วยสไตล์การเล่นที่มีความแข็งแกร่ง และเหมาะกับเกมรับสไตล์ราเยวัช แถเติมเกมได้ และการยิงไกลดี ทำให้เขาถูกเลือกใช้งานอยู่บ่อยๆ
เกมเดียวที่เขาพลาดในยุคราเยวัช คือเกมแรกที่อุ่นเครื่องกับ อุซเบกิสถาน เพราะตอนนั้นแข้งจาก เมืองทอง ได้รับการยกเว้นให้พักก่อนนั่นเอง
สรรวัชญ์ เดชมิตร (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ลงสนามไทยลีก 2017 : 27 นัด
ยิง : 4 ประตู
แอสซิสต์ : 9 ครั้ง
ลงสนามทีมชาติไทยยุคราเยวัช : 5 นัด
จอมทัพจากบียูกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกแรกในบทบาทเพลย์เมคเกอร์ หลังช่วงแรกไม่มีชื่อของ ชนาธิป อยู่ในทีมเลย
สรรวัชญ์ เป็นมิดฟิลด์ประเภททางบอลดี ทักษะเยี่ยม มีทีเด็ดที่ลูกวางบอลยาว และคิลเลอร์พาส ทำให้เขาออกสตาร์ทตัวจริงตลอดยุคของราเยวัช
มีเพียงนัดที่เปิดบ้านพ่าย อิรัก เท่านั้นที่ เจ้าแคมป์ ไม่ได้ลงสนาม และในเกมล่าสุดที่บุกแพ้ ออสเตรเลีย ก็ถือว่าทำผลงานได้ดีทีเดียวในการลงสนามพร้อมๆกับ เมสซี่เจ
อดิศร พรหมรักษ์ (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)
ลงสนามไทยลีก 2017 : 16 นัด
แอสซิสต์ : 1 ครั้ง
ลงสนามทีมชาติไทยยุคราเยวัช : 5 นัด
การขาด ทริสตอง โด ไปในช่วงต้นของราเยวัช ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์พอสมควรว่าจะเอาใครมาทำหน้าที่แทน และ อดิศร ก็เป็นคนแรกที่ได้รับโอกาสนั้น
แต่แล้วแบ็กขวาจำเป็นกลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยความเป็นเซนเตอร์ที่ทางบอลดี และมีความเร็วอยู่แล้วจึงไม่แปลกที่จะจัดการตัวริมเส้นของคู่แข่งได้อย่างอยู่หมัด
ทำให้ตอนนี้แม้ โด จะกลับมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทวงตำแหน่งคืนแล้วล่ะ
มงคล ทศไกร (พัทยา ยูไนเต็ด)
ลงสนามไทยลีก 2017 : 22 นัด
ยิง : 5 ประตู
ลงสนามทีมชาติไทยยุคราเยวัช : 5 นัด
โดนวิจารณ์มาตลอดถึงฟอร์มการเล่นของ มงคล ในช่วงหลัง แต่ใครจะไปคิดว่าตั้งแต่ ราเยวัช เข้ามาฟอร์มของเขาในนามทีมชาติกลับเทพขึ้นเห็นๆ หลังซัด 2 เกมติดในนามทีมชาติครั้งแรกในชีวิต ตั้งแต่เสมอ ยูเออี 1-1 ต่อด้วย คิงส์คัพที่ถล่ม เกาหลีเหนือ 3-0
ทำให้ปีกขวาตอนนี้บอกเลยว่า จ่าเย็น ขอก่อนแล้วกัน ด้วยสไตล์วิ่งสู้ฟัดจนแรงหมด และลงมาช่วยเกมรับได้ดี แถมหาพื้นที่ยิงประตูได้ดี ทำให้ 5 นัดหลังสุดเขากลับมาเป็นตัวหลักของ ทัพช้างศึกอีกครั้งแล้ว
จากทั้งหมด 7 คนนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ทีมชาติไทย ยุค มิโลวาน ราเยวัช ใครก็สามารถก้าวมารับใช้ชาติได้ทั้งนั้นขอเพียงโชว์ฟอร์มแจ่มอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น และผลงานเหล่านั้นจะตอบแทนฝีเท้าพวกเขาเหล่านั้นเอง!!