บวกกับ สุพรรณ ทองสงค์ ที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณสะโพกตั้งแต่เกมที่ชนะ บาห์เรน ก็ต้องรอเช็คความฟิตอีกครั้งว่าพร้อมเต็มร้อยหรือยัง
ทำให้แผนหลังสามของ ช้างศึก ในวันนี้ น่าจะต้องมีการปรับทัพแน่นอนแล้ว 1 คนอยู่ที่ว่ากุนซือจะเลือก มิก้า ชูนวลศรี หรือ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ลงมาเล่นแทนเท่านั้นเอง
2. ไม่แพ้เข้ารอบเลย-ถ้าชนะลุ้นแชมป์กลุ่ม
จากสถานการณ์ก่อนเกมที่ ทีมชาติไทย อยู่อันดับ 3 ของกลุ่มจากการมี 3 แต้มเท่ากับ อินเดีย ที่มี H2H และผลต่างประตูได้-เสียดีกว่า และตามหลังจ่าฝูงอย่าง ยูเออี 1 แต้ม ทำให้เกมนี้หาก ทัพช้างศึก ไม่แพ้ก็จะการันตีเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกได้ทันทีแบบไม่ต้องรอลุ้นอีกคู่นึงเลย เพราะเราตุน H2H ที่เหนือกว่า บาห์เรน ไว้แล้วจากชัยชนะนัดที่ผ่านมา
หากทีมชาติไทยคว้าชัยชนะได้ นอกจากการันตีการผ่านเข้ารอบสบายๆ แล้ว ยังมีโอกาสลุ้นแชมป์กลุ่มด้วย ถ้าหากผลอีกคู่ อินเดีย ไม่ชนะ บาห์เรน
ส่วน ยูเออี ที่ผ่านเข้ารอบไปแล้ว ก็หวังคว้าแชมป์กลุ่มเช่นกัน เพื่อจะได้มีเวลาพักก่อนลงเตะรอบน็อกเอาต์เพิ่มอีก 1 วัน
ผลเสมอในเกมนี้ ก็ยังเพียงพอต่อการเข้ารอบเช่นกัน เพราะการมี 4 คะแนน จะการันตีว่าอย่างน้อย ทีมช้างศึกจะเป็นหนึ่งในทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดแน่ๆ เพราะอันดับ 3 จากกลุ่ม C, D, E และ F จะไม่มีทางเก็บแต้มในรอบแบ่งกลุ่มได้เกิน 3 แต้ม
หากผลออกมาเป็นเสมอ เราต้องดูว่าผลอีกคู่จะออกหน้าไหน เพื่อที่จะได้ทราบว่าเราจะจบรอบนี้ในฐานะอันดับ 2 หรือ 3
แต่หากดันพลาดท่าแพ้ก็มีโอกาสตกรอบสูงทีเดียว เพราะนอกจากต้องลุ้นให้ อินเดีย ชนะ บาห์เรน แล้ว ยังต้องลุ้นให้อันดับ 3 ของกลุ่มอื่นๆ มีประตูได้-เสียแย่กว่าเราอย่างน้อย 2 ทีมด้วย
ดังนั้นเกมคืนนี้ขอแค่ ทีมชาติไทย ไม่แพ้ ก็จะยังอยู่ในเส้นทางของ เอเชียน คัพ 2019 ต่อไป
3. สถิติเจอ ยูเออี เป็นรองแต่สู้ได้แน่
จากสถิติที่เคยพบกันจากการบันทึกของฟีฟ่า ต้องยอมรับว่า ทีมชาติไทย เป็นรองพอสมควร หลังพลาดท่าแพ้ไปถึง 6 ครั้ง เสมอ 2 ครั้ง และคว้าชัยได้เพียงหนเดียวเท่านั้น
โดยชัยชนะครั้งเดียวของ ทัพช้างศึก ต้องย้อนไปในปี 2004 สมัยคัดบอลโลก 2006 ที่เปิดบ้านถล่ม ยูเออี ไปถึง 3-0
ในขณะเดียวกันแม้สถิติจะเป็นรอง แต่การพบกันช่วงหลังถือว่าสูสีทุกครั้ง โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่พบกันในเกมคัดบอลโลก 2018 ที่เสมอกันไป 1-1 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ทีมชาติไทย เกือบจะชนะได้แล้วด้วยซ้ำ แต่มาเสียประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
แต่ที่น่าสนใจคือ 6 เกมหลังสุดที่ ไทย บุกเยือน ยูเออี เราไม่เคยบุกมาคว้าชัยได้เลย ซึ่งแบ่งออกเป็นเสมอ 1 นัด และแพ้ไปถึง 5 เกม
อย่างไรก็ตามด้วยฟอร์มตอนนี้ บวกกับการการันตีว่าผ่านเข้ารอบไปแล้วของทีมเจ้าภาพ ทำให้มีโอกาสเหมือนกันที่ ทีมชาติไทย จะล้างอาถรรพ์ได้สำเร็จในคืนนี้
4. ระบบไทยกำลังลงตัว
หลังจาก “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย เข้ามาคุมทีมแทน มิโลวาน ราเยวัช พร้อมปรับระบบมาเล่น 3-4-1-2 แทนถือว่าได้ผลพอสมควร
ด้วยทรัพยากรของทีมชุดนี้ไม่มีปีกอาชีพที่สามารถขึ้นมาสร้างความปั่นป่วนได้เลย ทำให้การเลือกใช้หลังสามแบบแน่นๆ และขยับ ทริสตอง โด กับ ธีราทร บุญมาทัน มาเป็นวิงแบ็ก จะทำให้ดูพวกเขาได้โชว์ฝีเท้ามากขึ้นอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มีพื้นที่ในการสร้างสรรค์เกมแบบที่เคยทำที่ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร จนนำไปสู่ 3 แต้มประวัติศาสตร์ของทีม
เช่นเดียวกับ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ดูๆ แล้วเขาจะมีจังหวะได้เล่นกับบอลมากกว่าการยืนหน้าแบบเดี่ยวๆ เยอะเลย
5. ยูเออีชุดนี้ไม่โหดอย่างที่คิด
การขาดยอดนักเตะระดับเอเชียอย่าง อุมัร อับดุลเราะห์มาน ชัดเจนเลยว่าทำให้ความน่ากลัวของแนวรุกของ ยูเออี ดูจะน้อยลงไปเยอะเลยทีเดียว
หากนับ 12 เกมหลังสุด มีถึง 7 นัดที่ไม่มี อุมัร ลงช่วยทีม ซึ่ง 7 เกมที่ขาดเพลย์เมกเกอร์คนดังนั้น พวกเขาชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้น (เสมอ 3 แพ้ 2)
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่จุดที่จะทำให้ ทีมชาติไทย ประมาท ยูเออี ได้แน่นอน เพราะพวกเขายังมีทั้ง อาเหม็ด คาลิล ดาวยิงตัวเก่ง และ อาลี มับคูต ที่ซัดไทยไปถึง 3 ลูกใน 2 เกมล่าสุดที่พบกันในศึกคัดบอลโลก 2018 รอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียที่ผ่านมา
แต่ด้วยศักยภาพของ ทัพช้างศึก ตอนนี้ เชื่อเหลือเกินว่าหากทุกคนช่วยกันเล่น และกลับมาท็อปฟอร์มได้เหมือนเดิม ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะได้สามแต้มจากเจ้าภาพในเกมคืนนี้
เกมนัดนี้ถือว่าสำคัญเหลือเกิน เพราะนี่คือนัดชี้ชะตาว่า ทีมชาติไทย จะได้ไปต่อในศึก เอเชียน คัพ 2019 ได้หรือไม่??
เอาเข้าจริงก็น่าเสียดายนะ ที่เกมแรกเราพลาดท่าต่อ อินเดีย ไปเยอะขนาดนั้นเพราะถ้าเกมนั้นเรามีแต้ม ป่านนี้เข้ารอบไปแล้ว
การเจอเจ้าภาพถือเป็นงานหนักทีเดียว แต่ด้วยฟอร์มตอนนี้บอกเลยว่าเราก็มีลุ้นล้มเจ้าถิ่นเหมือนกัน
คืนนี้แม้จะดึกหน่อย แต่เชื่อเหลือเกินว่าแฟนบอลไทยคงไม่มีใครพลาดตามเชียร์ ทัพช้างศึก ล้มยูเออี พร้อมตีตั๋วลุยรอบ 16 ทีมสุดท้าย…