5 ปัจจัยหลักที่ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกแพ้ ปักกิ่ง กั๋วอัน 0-2 ในศึก ACL 2019
ความพ่ายแพ้เมื่อคืนนี้ทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากเหลือเกินหากหวังจะเข้ารอบน็อกเอาต์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019
ซึ่งในเกมที่บุกแพ้ ปักกิ่ง กั๋วอัน 0-2 ถือว่าเราเริ่มต้นได้ดีทีเดียว ก่อนจะมาเป๋ไปเฉยๆ และนี่คือ 5 ปัจจัยหลักที่ทำให้ ทัพปราสาทสายฟ้า กลับไทยโดยไม่มีแต้มติดมือมาเลย!!
ครึ่งหลังไม่เพรสซิ่ง
ทันทีที่เกมเริ่มต้นขึ้นดูเหมือนว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะมาพร้อมความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม และช่วยกันไล่บีบ เพรสซิ่งเจ้าถิ่นจนพวกเขาไม่ได้เล่นเกมรุกได้ง่ายนัก
ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า 45 นาทีแรก ทีมจากไทยมีโอกาสที่จะหวังคว้าสามแต้มได้เลยทีเดียว
แต่กลับกันในครึ่งหลัง ทัพปราสาทสายฟ้า กลับไม่เล่นเพรสซิ่งเหมือนเดิม ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่นำมาสู่การเสียสองประตูติดๆ ในครึ่งลังนั่นเอง
โดยเฉพาะลูกที่สองเมื่อปล่อยให้ เรนาโต้ ออกุสโต้ ได้เล่นง่ายแบบนั้นก็โดนลงโทษทันทีด้วยการเปิดให้เพื่อนโขกนิ่มๆ ปิดเกมในในช่วงนาที 75
อากาศทำเล่นยาก!!
เอาแค่การบุกไปเยือนทีมจ่าฝูงไชนีส ซูเปอร์ลีก ที่เพิ่งชนะ บุรีรัมย์ 3-1 ในเกมแรกก็ถือเป็นงานที่หินมากแล้ว
แต่ก่อนเกมอากาศที่จีนก็หนาวถึง 8 องศาเซลเซียส แถมยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งเกมอีก
ซึ่งแน่นอนว่าการไม่คุ้นชินกับอากาศหนาวๆ แบบนี้ของแข้งไทย บวกกับร่างกายที่ปรับตัวไม่ทัน มันก็อาจส่งผลให้นักเตะเซราะกราวดูจะเล่นได้ไม่ค่อยจะเต็มร้อยมากนัก
แข้งเหลือน้อยจัด
หากใครได้เห็นรายชื่อของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อคืนที่ผ่านมาคงต้องตกใจเหมือนกันเพราะนอกจาก 11 ตัวจริงแล้วพวกเขาเหลือแข้งสำรองอยู่แค่ 5 คนเท่านั้น
แถมจาก 5 คนก็เหลือตัวรุกธรรมชาติเพียงคนเดียวนั่นคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา นั่นทำให้ทีมจากไทยดูจะไม่มีแผนสำรองไว้แก้เกมเลย เมื่อตัวจริงทำผลงานได้ไม่ดีมากนัก
ซึ่งด้วยคุณภาพทีมระดับนี้บางทีพวกเขาน่ามีนักเตะที่พอจะทดแทนกันได้มากกว่านี้หน่อย และแน่นอนเลกสอง เซราะกราว มีโอกาสเสริมทัพหนักแน่
เกมรับพลาดบ่อยไปหน่อย
ในครึ่งแรก ปักกิ่ง กั๋วอัน มีโอกาสทองน่าได้ประตูอย่างน้อยหนึ่งลูกในจังหวะที่ เซดริก บากัมบู หลุดกับดักล้ำหน้าหลุดเดี่ยวไปแบบโล่งๆ แต่ยังดีที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน โชว์ซูเปอร์เซฟเอาไว้หวุดหวิด
เช่นเดียวกับครึ่งหลังที่แนวรับเราพลาดปล่อยให้ทีมจากจีนมีโอกาสทดสอบนายทวารทีมชาติไทยบ่อยเหลือเกิน
ตลอดทั้งเกม ปักกิ่ง มีโอกาสยิงไปถึง 16 ครั้งมากกว่า บุรีรัมย์ ครึ่งนึงเลยทีเดียว ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นแล้วเกมรุกพวกเขามีประสิทธิภาพมากแค่ไหน รวมทั้งเกมรับของเราที่จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นก่อนลุย 2 เกมต่อไปเหมือนกัน
และหากจะหาหนึ่งในนักเตะที่โชว์ฟอร์มแจ่มที่สุดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คงต้องยกให้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน อีกแล้วหลังโชว์เซฟไป 6 ครั้ง บอกเลยถ้าไม่มี “พี่แชมป์” เซราะกราวอาจโดนเยอะกว่านี้ก็ได้
คุณภาพแข้งต่าวชาติคนละเรื่อง
และนี่น่าจะเป็นจุดตัดสินเกมนี้เลยก็ว่าได้เพราะต้องยอมรับเลยว่านักเตะต่างชาติของ ปักกิ่ง กั๋วอัน คือของจริง ทั้ง เซดริก บากัมบู ที่สร้างโอกาสให้ทีมไปถึง 2 ครั้ง ถึงแม้จะยิงไม่ได้ แต่แฟนบอลไทยคงจำได้ดีว่าคนนี้แหละกดแฮตทริกมาแล้วที่ ช้าง อารีน่า
และที่โหดสุดๆ คงต้องยกให้ เรนาโต้ ออกุสโต้ มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิล ที่คุมแดนกลางได้อย่างเนียนกริบสร้างโอกาสให้ทีมไป 7 ครั้งมากที่สุดในเกมนี้ แถมยิงจุดโทษสุดคมให้พวกเขาออกนำไปก่อนในช่วงต้นครึ่งหลัง
ต่างกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ตลอดทั้งเกม เปโดร จูเนียร์ มีโอกาสส่งไกลแค่ครั้งเดียวซึ่งก็ออกไปแบบไม่ได้ลุ้นเลย
ด้วยปัจจัยนี้คงไม่แปลกที่แฟนบอลส่วนใหญ่จะคิดถึงอดีตดาวยิงอย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต
ต้องยอมรับเลยว่าการมี 3 แต้มจาก 4 นัดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้มีโอกาสสูงเหลือเกินที่พวกเขาจะจบถ้วย ACL 2019 ในรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทางเลือกเดียวที่ ทัพปราสาทสายฟ้า จะได้ลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายคือคว้าชัย 2 เกมที่เหลือให้ได้ และลุ้นให้ทีมอื่นพลาดด้วยเช่นกัน
แม้จะเป็นเรื่องที่ยาก แต่เชื่อเถอะว่ามันก็มีทางเป็นไปได้เหมือนกัน!!