Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1อ

Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1
Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1

5 จุดที่ต้องพูดถึงจากเกม ACL 2018 ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านตามตีเสมอ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ 1-1

จบลงไปแบบใจหายใจคว่ำกันทั้งประเทศสำหรับ ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 กลุ่มจี เมื่อคืนนี้ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านไล่ตามตีเสมอ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ 1-1 ในช่วงทดเจ็บเลยทีเดียว

จากผลเสมอเกมนี้ทำให้โอกาสผ่านเข้ารอบของ ทัพปราสาทสายฟ้า ยังเปิดกว้างอยู่ หลังนัดสุดท้าย กว่างโจว ต้องไปตัดกันเองกับ เซเรโซ่ โอซาก้า

และนี่คือ 5 จุดที่ต้องพูดถึงในเกมที่ เซราะกราว แบ่งแต้มสำคัญจากทีมจีนมาได้สำเร็จ!!

ขาดตูเญซ มีผลชัดเจน!!

การไม่มี อันเดรส ตูเญซ เป็นปราการหลังตัวกลางทำให้ บุรีรัมย์ ต้องขยับ ประวีณวัช บุญยงค์ หุบเข้าในและถอย ยู จุน-ซู ไปเป็นกองหลังอีกคนทันที

เห็นได้ชัดเลยว่าการขาด ดาวเตะชาวเวเนซูเอลาไปมีผลจริงๆ หลังแนวรับดุจะเกร็งๆ กันไปซะหมด จนแทบจะไม่มีจังหวะตัดบอลสวยๆให้เห็นเลย

Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1
Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1

นอกจากนี้สิ่งที่หายไปคือการวางบอลยาวจากหลังไปหน้า ที่กลายเป็นว่าเกมนี้เหมือนเป็นการเคลียร์ทิ้งให้พ้นหน้าประตูเป็นส่วนใหญ่

แม้ทั้ง พรรษา เหมวิบูลย์, ประวีณวัช และ ยู จุน-ซู จะช่วยกันตัดบอลได้ 7 ครั้ง และเคลียร์รวม 10 ครั้ง

แต่จากสถิติการยิงที่ กว่างโจว มีโอกาสมากถึง 20 ครั้งนั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าแนวรับของเราปล่อยให้พวกเขามีโอกาสมากเกินไปยังดีที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ยังช่วยไว้ได้หลายลูก บวกกับทีมจากจีนจบไม่คมเองด้วย

สุเชาว์ ยังไม่พร้อม

แม้จะได้ สุเชาว์ นุชนุ่ม กลับคืนทีม แต่จากแผงมิดฟิลด์ตัวจริงแล้วเขามีสถิตออกบอลที่น้อยกว่า จักรพันธ์ แก้วพรม (42 ครั้ง) และ รัตนากร ใหม่คามิ (31 ครั้ง) เยอะพอสมควรเลยทีเดียว (สุเชาว์ 23 ครั้ง)

นอกจากนี้ยังมีจังหวะพลาดเองในช่วงปลายครึ่งแรกจนถูกตัดบอลโต้กลับเกือบเสียประตูเหมือนกัน

Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1
Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1

ที่สำคัญเรื่องเกมรุก กัปตันกบ แทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยหลัง 58 นาทีที่อยู่ในสนามเขาสร้างโอกาสไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เมื่อดูภาพรวมแล้วการรีบให้ สุเชาว์ รีบลงตัวจริงเกินไปในเกมใหญ่ๆแบบนี้ก็ดูจะเสี่ยงเกินไปเหมือนกัน

บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าการใช้ สุภโชค สารชาติ เหมือนช่วง 3-4 เกมแรกแล้วค่อยเปลี่ยนตัวเก๋าลงมาก็อาจจะเวิร์คกว่าหรือเปล่า??

กรกช คนเดิมหายไป!!

กรกช วิริยะอุดมศิริ ที่ท็อปฟอร์มอาศัยลูกเซตพีซทีเด็ดช่วยบุรีรัมย์ ในถ้วย ACL มาตลอด กลายเป็นว่านัดนี้เขาฟอร์มตกไปดื้อๆ

เพราะนอกจากจะไม่ได้ใช้งานลูกโยนแม่นๆ แล้ว 74 นาทีที่อยู่ในสนาม เจ้ามิงค์ ครอสบอลสำเร็จเพียงหนเดียวเท่านั้น

Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1
Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1

ที่สำคัญยังโดน กว่างโจว เจาะอยู่ฝั่งเดียวหลายต่อหลายครั้ง จนนำมาซึ่งประตูขึ้นนำของ เจียง หลง ในช่วงกลางครึ่งแรกทันที

แถมยังมีจังหวะจ่ายบอลพลาดตอนทำเกมรุกจนลงมาประจำตำแหน่งไม่ทันให้เห็นอยู่ 2-3 ครั้งอีกด้วย

ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าการส่ง ศศลักษณ์ ไหประโคน ลงมาในช่วงท้าย ดูจะทำได้ดีกว่าทั้งเกมรับ และรุก แต่จุดนี้ก็คงเทียบกันไม่ได้นักเพราะแน่นอนว่าคนเพิ่งลงสนามมาก็คงฟิตกว่าอยู่แล้ว

แนวรุกเงียบเกินไป!!

เห็นได้บ่อยเหลือเกินในเรื่องแนวรุกของ บุรีรัมย์ ที่ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต จะเป็นคนเดียวที่สามารถเล่นงานทีมระดับเอเชียใน ACL ได้ทุกนัด

แต่กลับมาดูที่ เอ็ดการ์ บรูโน่ ตลอด 90 นาทีเรียกได้ว่าเงียบเหลือเกิน นี่ยังดีที่ประตูตีเสมอก็ได้ลูกโขกเช็ดของเขาให้ ดิโอโก้ ก่อนปาดให้ ยู จุน-ซู ซัด

Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1
Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1

เพราะนอกจากนี้ทั้งเกม เอ็ดการ์ บรูโน่ ทำได้เพียงเก็บบอลยาวไว้กับตัว ก่อนที่จะแปะให้เพื่อน หรือไม่ก็ทำบอลเสียอยู่บ่อยครั้ง

แม้ว่า เอ็ดการ์ บรูโน่ จะสามารถเอาชนะลูกดวลกลางอากาศในเกมกับกว่างโจว ได้มากถึง 7 ครั้ง แถมมีสถิติที่ดีในการยิงประตูใน ACL แต่กลายเป็นว่าเกมนี้เขาไม่ได้โอกาสง้างยิงเลยสักครั้งเดียว

ต่างกับ ดิโอโก้ ที่พยายาม ถอยลงมาเอาบอลเพื่อทำเกมขึ้นไป และโชว์ทักษะให้แนวรับทีมจีนได้ปวดหัวเหมือนกัน

ยู จุน-ซู ของจริง!!

ส่วนนึงที่ทำให้ บุรีรัมย์ กลับมาทำเกมรุกได้ดีเมื่อคืนนี้คือการถอดผู้เล่นเกมรับออก และทยอยส่ง 3 แนวรุกตัวจี๊ดอย่าง สุภโชค, ศศลักษณ์ และ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ลงสนาม

ทำให้พวกเขาได้ทำเกมบุกกดดัน กว่างโจว ได้มากขึ้นจริงๆ แต่สุดท้ายแล้วบทฮีโร่ ต้องยกให้ ยู จุน-ซู นักเตะสาระพัดประโยชน์ที่เป็นทั้งกองหลังที่เล่นดีที่สุดในเกมนี้

Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1
Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1

แถมเป็นกองหน้าจำเป็นช่วงท้ายช่วงซัดตีเสมอให้กับทีมได้อีก ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้เห็นแข้งเกาหลีใต้รายนี้ขึ้นไปเป็นดาวยิง พราะในลีกเกมล่าสุดก็เพิ่งซัดประตูชัยให้ทีมช่วงทดเจ็บมาเช่นกัน

การขาด โก ซุล กี ในตอนแรกดูเหมือนแฟนบอลเซราะกราวจะออกกรเซ็งกันอยู่เหมือนกันว่าจะเอาใครมาแทนที่ได้

แต่การที่ ยู จุน-ซู เล่นได้ทั้ง กองหลัง, กองกลาง และกองหน้าแบบนี้ เชื่อเหลือเกินว่าดาวเตะคนนนี้มีของจริงๆ และคงไม่แปลกถ้าตอนนี้เขาจะกลายเป็นนักเตะที่แฟนบอลบุรีรัมย์หลงรักเข้าให้แล้ว!!

Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1
Fact หลังเกม : 5 จุดที่ต้องพูดถึงเกม บุรีรัมย์ ไล่เจ๊า กว่างโจว 1-1

ต้องบอกเลยว่า 1 แต้มเกมนี้สำคัญสุดๆ เพราะนั่นยังทำให้โอกาสการเข้ารอบของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดกว้างกว่าการพ่ายแพ้มากเลยทีเดียว

ในเกมนัดสุดท้ายขอแค่ทีมจากไทย บุกคว่ำ เจจู ยูไนเต็ด ให้ได้ และลุ้นให้ เซเรโซ่ โอซาก้า ไม่ชนะ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ เท่านั้นแฟนบอลไทยก็จะได้ตามเชียร์ ทัพปราสาทสายฟ้าต่อใน ACL2018 รอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอน!!