รอปีหน้านะหงส์แดง!! เรือใบไม่พลาด แซงอัด ไบรท์ตัน 4-1 กวาด 98 แต้ม ป้องกันแชมป์

รอปีหน้านะหงส์แดง!! เรือใบไม่พลาด แซงอัด ไบรท์ตัน 4-1 กวาด 98 แต้ม ป้องกันแชมป์
รอปีหน้านะหงส์แดง!! เรือใบไม่พลาด แซงอัด ไบรท์ตัน 4-1 กวาด 98 แต้ม ป้องกันแชมป์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2018-19 ไปครอง ถือเป็นทีมแรกในรอบ 10 ปี ที่ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018-19 นัดปิดฤดูกาล

ไบรท์ตัน 1-4 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

สนาม : เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม

เกมนัดตัดสินแชมป์ โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าและจ่าฝูง จะคว้าแชมป์ทันที หากคว้าชัยชนะเกมนี้ได้ แต่ถ้าหากทำได้แค่เสมอหรือแพ้ ทีมเรือใบสีฟ้าต้องลุ้นให้ ลิเวอร์พูล ไม่ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ถึงจะยังมีโอกาสได้ชูถ้วย

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือคนเก่งทีมเรือใบสีฟ้า เกมนี้ปรับทัพให้ ริยาด มาห์เรซ ลงตัวจริงเป็นปีกขวา ทำให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ถูกขยับลงมาเป็นตัวปั้นเกมในแดนกลาง โดย เซร์คิโอ อเกวโร่ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ยังเป็นตัวความหวังในแนวรุกเช่นเดิม

นาทีที่ 9 ไบรท์ตัน ได้ลุ้นขึ้นนำก่อน เมื่อ อาลีเรซ่า ยาฮันบัคช์ ลากบอลตัดจากซ้ายเข้ากลาง แล้วลองยิงปั่นโค้ง บอลเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกหลังไปนิดเดียวเท่านั้น

นาทีที่ 27 ไบรท์ตัน ขึ้นนำ 1-0 เมื่อมาได้เตะมุมฝั่งซ้าย ปาสคาล กรอสส์ เปิดไปที่เสาแรกให้ เกล็นน์ มาร์รี่ย์ เทกตัวโหม่งกดเข้าเสาแรกตุงตาข่าย

แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตีเสมอเป็น 1-1 ได้ทันควันในนาที 28 เมื่อ ดาบิด ซิลบา ไขว้บอลให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ หลุดกับดักล้ำหน้าไปซัดลอดขา แม็ทธิว ไรอัน เข้าไป

นาที 30 แมนฯ ซิตี้ เกือบพลิกแซงนำ เมื่อ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แบ็กซ้าย เติมขึ้นมาครอสไปที่เสาไกลให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา พุ่งโหม่งเต็มกบาล แต่บอลไปตรงตัว แม็ทธิว ไรอัน ล้มตัวรับไว้ได้

นาที 37 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูที่ต้องการ เมื่อมาได้เตะมุมฝั่งขวา ริยาด มาห์เรซ เปิดด้วยซ้ายโค้งเข้าหาประตูให้ อายเมอริค ลาป๊อร์กต์ โถมเข้าโขกเต็มกบาล ส่งบอลกระดอนพื้นเสียบเสาเข้าไปอย่างเด็ดขาด ให้เรือใบสีฟ้าแซงนำ 2-1 ซึ่งสกอร์นี้ จะทำให้ แมนฯ ซิตี้ ป้องกันแชมป์ไว้ได้

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ไบรท์ตัน มาได้ฟรีคิกระยะหวังผล แล้วเป็น ลูอิส ดังค์ วิ่งเข้าแปเต็มแรง บอลเกือบจะเสียบใต้คาน แต่ เอแดร์ซอน โมราเอส โดดปัดทิ้งออกหลังไว้ได้

จบครึ่งแรก ไบรท์ตัน ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2

ครึ่งหลัง นาที 63 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หนีห่าง 3-1 คราวนี้ ดาบิด ซิลบา จ่ายให้ ริยาด มาห์เรซ ล็อกบอลหลบ ลูอิส ดังค์ ซะจนเสียหลัก ก่อนซัดด้วยขวาเต็มแรง ส่งบอลพุ่งผ่านมือ แม็ทธิว ไรอัน เข้าไปอย่างเด็ดขาด

นาที 72 สกอร์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไหลไปเป็น 4-1 เมื่อมาได้ฟรีคิกระยะหวังผล ก่อนที่ อิลคาย กุนโดกัน บรรจงปั่นด้วยขวา ส่งบอลโค้งเสียบสามเหลี่ยมอย่างสุดงาม

จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกถล่ม ไบรท์ตัน 4-1 ส่งผลให้ทีมเรือใบสีฟ้า กวาดไปถึง 98 แต้มในฤดูกาลนี้ กลายเป็นทีมแรกในรอบ 10 ปี ที่ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

ไบรท์ตัน (4-4-1-1) : แม็ทธิว ไรอัน – บรูโน่ ซัลตอร์ (กัปตันทีม) (มาร์ติน มอนโตย่า น.84), เชน ดัฟฟี่, ลูอิส ดังค์, แบร์นาร์โด้ – อ็องโตนี่ น็อคการ์ท, เบราม คายาล, อีฟส์ บิสซูม่า, อาลีเรซ่า ยาฮันบัคช์ (เยอร์เก้น โลคาเดีย น.67) – ปาสคาล กรอสส์ – เกล็นน์ มาร์รี่ย์ (ฟลอริน อันโดเน่ น.68)

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์ (ดานิโล่ น.88), แว็งซ็องต์ ก็องปานี (กัปตันทีม) (นิโกลัส โอตาเมนดี้ น.86), อายเมอริค ลาป๊อร์กต์, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน, ดาบิด ซิลบา (เควิน เดอ บรอยน์ น.78)- ริยาด มาห์เรซ, เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่, ราฮีม สเตอร์ลิง

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

___________________________________

ลิเวอร์พูล 2-0 วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

สนาม : แอนฟิลด์

เกมสำคัญของหงส์แดง ที่ลุ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 29 ปี ถ้าหากชนะเกมนี้ แล้วผลอีกคู่ ไบรท์ตัน ไม่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของ ลิเวอร์พูล มีข่าวดีเมื่อได้ตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟิตสมบูรณ์ลงตัวจริงกันทั้งคู่ แต่ยังอดใช้งาน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่ยังไม่หายเจ็บ ทำให้ ดิว็อค โอริกี้ ที่เพิ่งเหมา 2 ประตูในเกมถล่ม บาร์เซโลน่า 4-0 ได้ออกสตาร์ทต่ออีกนัด

นาทีที่ 17 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จ่ายทะลุช่องขึ้นไปทางขวาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เติมขึ้นไปเปิดเข้ากลาง แล้วบอลแฉลบ เลยไปถึง ซาดิโอ มาเน่ สอดเข้ายิงจ่อๆ ไม่มีเหลือ

นาที 24 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูที่ 2 เมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลองยิงไกลจากนอกเขตโทษ แต่ไปโดน รุย ปาทริซิโอ เซฟไว้ได้

นาที 44 วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เกือบจะตีเสมอได้ เมื่อ ดีโอโก้ โชต้า ดึงจังหวะจ่ายออกขวาให้ แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ แบ็กขวาเติมขึ้นมาแปเน้นๆ บอลพุ่งผ่านมือ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ไปแล้ว แต่ดันไปชนสามเหลี่ยมอย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล จึงยังนำ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0

ครึ่งหลัง นาที 63 ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูที่ 2 เมื่อ วิลลี่ โบลี่ กองหลังทีมเยือนสกัดลูกจ่ายของหงส์แดงพลาด เปิดโอกาสให้ ดิว็อค โอริกี้ ได้กลับตัวซัดเต็มข้อ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป

นาที 81 ลิเวอร์พูล หนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ เทรนท์​ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ บรรจงครอสจากขวาเข้าไปหน้าประตูให้ ซาดิโอ มาเน่ ทิ้งตัวโหม่งสะบัดตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาด แม้ว่า มาเน่ จะอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่ไม่มีธงยกขึ้นมา เป็นอันว่าหงส์แดงได้ประตู

จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 ทำให้ทีมหงส์แดงเก็บได้ถึง 97 แต้ม แต่จากการที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่พลาดชัยชนะในวันเดียวกัน ลิเวอร์พูล จึงได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์อย่างน่าเสียดาย

 

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (โจ โกเมซ น.84) – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กัปตันทีม), ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.88) – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิว็อค โอริกี้ (เจมส์ มิลเนอร์ น.64), ซาดิโอ มาเน่

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส (3-5-2) : รุย ปาทริซิโอ – ไรอัน เบนเน็ตต์, คอเนอร์ โคดี้ (กัปตันทีม), วิลลี่ โบลี่ – แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้ (อดาม่า ตราโอเร่ น.80), เลอันเดอร์ เดนด็องเคอร์, รูเบน เนเวส, ชูเอา มูตินโญ่ (มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ น.84), จอนนี่ “อ็อตโต้” กาสโตร (รูเบน วินาเกร น.84) – ราอูล ฮิเมเนซ, ดีโอโก้​ โชต้า

ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน