นาที 25 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูอีกครั้ง จากลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้าย ที่เปิดเข้าไปหน้าประตูให้ ดาวิด ลุยซ์ โหม่งสะบัดแล้วบอลเกือบจะถึง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ได้ยิงโล่งๆ แต่ว่า มาโกโตะ ฮาเซเบะ เตะสกัดทิ้งออกมาได้ทันหวุดหวิด
แต่นาที 28 เชลซี นำ 1-0 ได้สำเร็จ เมื่อ เอแด็น อาซาร์ ม้วนหนี ดาวิด อับราฮัม ทางฝั่งซ้าย ก่อนบรรจงจ่ายถวายพานให้ รูเบน ลอฟตัส-ชีค หลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วแปเล่นทางส่งบอลผ่าน เควิน ทรัพพ์ เข้าเสาไกล
จบครึ่งแรก เชลซี จึงนำ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต 1-0
ครึ่งหลังเปิดฉากมาเพียง 4 นาที แฟร้งค์เฟิร์ต ตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จ เมื่อ มิยัต กาซิโนวิช บรรจงไหลทะลุช่องให้ ลูก้า โยวิช หลุดเดี่ยวไปซัดตุงตาข่ายอย่างเฉียบขาด
จากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูชัยกันได้ในช่วงเวลาปกติ ทำให้สกอร์รวม 2 นัดเท่ากันเป๊ะ ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 100 แฟร้งค์เฟิร์ต เกือบจะได้ประตูแซงนำ เมื่อ ฟิลิป คอสติช ครอสบอลจากซ้ายไปหน้าประตูให้ เซบาสเตียง อัลเล่ร์ ถีบบอลย้อนศรเกือบจะลอยเข้าเสาไกล แต่ว่า ดาวิด ลุยซ์ กลายเป็นฮีโร่ ตามลงไปเตะสกัดทิ้งออกมาก่อนที่บอลจะลอยข้ามเส้นประตูได้อย่างสุดยอด
นาที 111 เชลซี น่าจะได้ประตูนำ จากจังหวะหลุดเข้าไปยิงมุมแคบในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายของ เอเมอร์สัน พัลมิเอรี่ แต่ซัดไปติดเซฟของ เควิน ทรัพพ์
นาที 116 เชลซี สามารถส่งบอลเข้าก้นตาข่ายได้ จากลูกโหม่งจ่อๆ ของ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ในจังหวะขึ้นไปลุ้นทำประตูจากลูกเตะมุม แต่ว่าผู้ตัดสินเป่าว่า อัซปิลิกวยต้า ทำฟาวล์ก่อน ทำให้เจ้าถิ่นอดได้ประตูชัย
จบ 120 นาที สกอร์เสมอกัน 1-1 ทำให้ต้องดวลจุดโทษตัดสิน และเป็น เชลซี ยิงแม่นกว่า ชนะไป 4-3
ผลการดวลจุดโทษ (ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต ยิงก่อน)
ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต คนที่ 1 : เซบาสเตียง อัลเล่ร์ ยิงเข้า
เชลซี คนที่ 1 : รอสส์ บาร์คลี่ย์ ยิงเข้า
ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต คนที่ 2 : ลูก้า โยวิช ยิงเข้า
เชลซี คนที่ 2 (พลาด) : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ยิงติดเซฟ
ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต คนที่ 3 : โจนาธาน เด กุซมัน ยิงเข้า
เชลซี คนที่ 3 : จอร์จินโญ่ ยิงเข้า
ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต คนที่ 4 (พลาด) : มาร์ติน ฮินเทอเร็กเกอร์ ยิงติดเซฟ
เชลซี คนที่ 4 : ดาวิด ลุยซ์ ยิงเข้า
ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต คนที่ 5 (พลาด) : กอนซาโล่ ปาเซียนเซีย ยิงติดเซฟ
เชลซี คนที่ 5 : เอแด็น อาซาร์ ยิงเข้า
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (กัปตันทีม), อันเดรียส คริสเตนเซ่น (ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า น.74), ดาวิด ลุยซ์, เอเมอร์สัน พัลมิเอรี่ – รูเบน ลอฟตัส-ชีค (รอสส์ บาร์คลี่ย์ น.86), จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช – วิลเลี่ยน (เปโดร โรดริเกซ น.62), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (กอนซาโล่ อิกวาอิน น.96), เอแด็น อาซาร์
ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต (3-1-4-2) : เควิน ทรัพพ์ – ดาวิด อับราฮัม (กัปตันทีม), มาร์ติน ฮินเทอเร็กเกอร์, ซิมง ฟาแล็ตต์ – มาโกโตะ ฮาเซเบะ – แดนนี่ ดา คอสต้า, เซบาสเตียน โรเด้อ (โจนาธาน เด กุซมัน น.70), มิยัต กาซิโนวิช (กอนซาโล่ ปาเซียนเซีย น.118), ฟิลิป คอสติช – อันเต้ เรบิช (เซบาสเตียง อัลเล่ร์ น.90+2), ลูก้า โยวิช
ผู้ตัดสิน : โอวิดิอู ฮาเตกาน (โรมาเนีย)
___________________________________
บาเลนเซีย 2-4 อาร์เซน่อล
(รวมผล 2 นัด อาร์เซน่อล ผ่านเข้าชิงด้วยสกอร์รวม 7-3)
สนาม : เอสตาดิโอ เมสตาย่า (บาเลนเซีย, สเปน)
อีกคู่ซึ่งเตะกันที่สเปน บาเลนเซีย ไม่มีทางเลือก ต้องชนะด้วยผลต่างอย่างน้อย 2 ประตูเท่านั้น ถึงจะพลิกสถานการณ์ได้ หลังเกมแรกบุกแพ้ที่บ้านของ อาร์เซน่อล มา 3-1 ส่วนทีมปืนใหญ่ขอแค่ไม่แพ้เกิน 1 ประตู ก็จะทะลุเข้าชิงทันที

นาทีที่ 11 บาเลนเซีย ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะโต้กลับหลังป้องกันลูกเตะมุมได้ ก่อนที่จังหวะสุดท้าย โรดริโก้ โมเรโน่ ตวัดบอลจากฝั่งซ้ายไปหน้าประตูให้ เควิน กาไมโร่ ชาร์จจ่อๆ ตุงตาข่าย
แต่ อาร์เซน่อล ตีเสมอเป็น 1-1 อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 17 เมื่อสาดยาวขึ้นหน้าแล้ว อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ โดดขึ้นโหม่งชงให้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง สปีดไปยิงไซด์ก้อยด้วยขวา ส่งบอลพุ่งเสียบเสาเข้าไป
นาที 35 บาเลนเซีย น่าจะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อมาได้ฟรีคิกระยะหวังผล แต่ ดานี่ ปาเรโฆ่ กองกลางกัปตันทีม ปั่นหลุดกรอบออกไปนิดเดียว
จบครึ่งแรก บาเลนเซีย เสมอ อาร์เซน่อล 1-1 ต้องลุ้นกันต่อในครึ่งหลัง
แต่ครึ่งหลังผ่านไปแค่ 5 นาที อาร์เซน่อล มาได้ประตูนำอีกครั้งเป็น 2-1 เมื่อ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ รับบอลจาก ลูคัส ตอร์เรยร่า ก่อนใช้ความสามารถเฉพาะตัว บังบอลได้จากกองหลังเจ้าถิ่น แล้วหาเหลี่ยมพลิกยิงด้วยขวา ส่งบอลพุ่งผ่านมือ เนโต้ เข้าเสาไกลไปอย่างเด็ดขาด
แต่ว่า บาเลนเซีย ยังไม่ยอมแพ้ มาตีเสมอเป็น 2-2 ในนาที 58 เมื่อ โรดริโก้ โมเรโน่ ยิงไปติดบล็อคกองหลังของ อาร์เซน่อล แล้วบอลแฉลบไปเข้าทาง เควิน กาไมโร่ ตามเก็บแล้วยิงตุงตาข่ายโล่งๆ เป็นปะระตูที่ 2 ของเขาในเกมนี้
อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล มาแซงนำอีกครั้งเป็น 3-2 คราวนี้ ไอน์สลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส โยกหลอก โฆเซ่ กาย่า แล้วหลุดขึ้นไปเกือบสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนเปิดไปหน้าประตูให้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง โฉบเข้าชาร์จจ่อๆ ไม่มีเหลือ
นาที 89 ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง หลุดเดี่ยวไปยิงฝัง ให้ อาร์เซน่อล นำห่างเป็น 4-2 ทำให้ โอบาเมย็อง ทำแฮตทริกในเกมนี้ได้สำเร็จ
จบเกม อาร์เซน่อล บุกย้ำแค้น บาเลนเซีย 4-2 ทำให้ทีมปืนใหญ่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 2 นัด 7-3 และเป็นการเข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
บาเลนเซีย (4-4-2) : เนโต้ – คริสเตียโน่ ปิชชินี่ (การ์ลอส โซเลร์ น.56), เอเซเกล การาย, กาเบรียล เปาลิสต้า, โฆเซ่ กาย่า – ดาเนียล วาสส์, ดานี่ ปาเรโฆ่ (กัปตันทีม), ฟร็องซิส โกเกอแล็ง, กอนซาโล่ กูเอเดส (เฟร์ราน ตอร์เรส น.71) – โรดริโก้ โมเรโน่ (ซานติ มีน่า น.71), เควิน กาไมโร่
อาร์เซน่อล (3-4-1-2) : ปีเตอร์ เช็ก – โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ (กัปตันทีม), นาโช่ มอนเรอัล – ไอน์สลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ส, ลูคัส ตอร์เรยร่า (มัตเตโอ เกนดูซี่ น.80), กรานิต ชาก้า, เซอัด โคลาซินัช (ชโคดราน มุสตาฟี่ น.71) – เมซุต โอซิล (เฮนริค มคิทาร์ยาน น.62) – อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง
ผู้ตัดสิน : แดนนี่ มัคเคลี่ (เนเธอร์แลนด์)