แต่ทางฝั่ง อาร์เซน่อล ที่เจองานเบากว่า กลับออกไปแพ้ทีมกลางตาราง ลีก เอิง อย่าง แรนส์ 1-3 ในเกมเลกแรกของศึก ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย และถือว่าสุ่มเสี่ยงที่จะตกรอบอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ทั้ง 2 ทีมจะทำผลงานตรงข้ามกันในเกมยุโรป แต่ต้องบอกเลยว่า พอมาเจอกันในพรีเมียร์ลีกคืนนี้ ถือว่าเป็นบรรยากาศ และสถานการณ์ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง และนี่คือ 5 เหตุผลที่บ่งบอกว่า ทำไมบิ๊กแมตช์คืนนี้ ถึงเป็นเกมที่คาดเดาผลการแข่งขันได้ยากสุดๆ
1. ปืนเทพในบ้าน – ผียุค “โซลชาร์” ก็เก่งนัดเยือน


อาร์เซน่อล คือทีมที่ชนะเกมเหย้าในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ มากเป็นอันดับ 2 ร่วมกับ ลิเวอร์พูล (12 นัด) โดยน้อยกว่าจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (14 นัด) เพียงทีมเดียว และการลงเตะเกมลีกที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 8 นัดหลังสุด ทีมของ อูไน เอเมรี่ ก็สามารถคว้า 3 คะแนนเต็มได้ทุกนัด
แต่ทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่น้อยหน้า เพราะนับตั้งแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เข้ามาคุมทีมขัดตาทัพแทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ผีแดงสามารถทำสถิติชนะนอกบ้าน 100% (9 นัดติดต่อกัน) ได้แบบน่าทึ่ง โดยเป็นฝ่ายขึ้นนำเจ้าบ้านก่อนทุกครั้งอีกต่างหาก
คืนนี้จะได้รู้กันว่า ระหว่างทีมที่เก่งในบ้าน กับทีมที่เทพนอกบ้าน ของใครจะแรงกว่า
2. สถิติฟ้องชัด ปืนไม่เคยแพ้ผีคาบ้าน 2 ปีติดในพรีเมียร์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะบุกชนะ อาร์เซน่อล ถึงถิ่น 3-1 ในพรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่นก่อน ขณะที่ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผีแดงก็บุกเขี่ยปืนโตตกรอบ โดยชนะด้วยสกอร์เดิม
อย่างไรก็ตาม ครั้งสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล แพ้ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ต้องย้อนไปถึงเดือนสิงหาคม 2015 สมัยที่ลีกสูงสุดอังกฤษยังเป็น ดิวิชั่น 1 เดิม เลยทีเดียว
หากสถิติดังกล่าวยังดำเนินต่อไป นั่นหมายความว่าคืนนี้ ทีมปีศาจแดงจะคว้า 3 แต้มไม่สำเร็จ แต่นั่นก็คือเรื่องของอดีต
3. “ลากาแซ็ตต์” พร้อมวัดคม “ลูกากู”


โรเมลู ลูกากู ดาวยิงฉายา “พี่ตู้เย็น” ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจกำลังท็อปฟอร์ม เหมายิง 2 ประตูมา 3 นัดติดต่อกัน แต่ต้องบอกว่าผลงานของ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ กับ อาร์เซน่อล ในช่วงหลังก็ไม่น้อยหน้า
สถิติที่น่าสนใจก็คือ ลากาแซ็ตต์ สามารถยิงประตูในพรีเมียร์ลีกที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ได้ตลอด 5 นัดหลังสุด และกลายเป็นกองหน้าตัวเลือกแรกที่ อูไน เอเมรี่ จะส่งลงสนามก่อน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง เสียอีกในตอนนี้
หัวหอกชาวฝรั่งเศส ยังอยู่ในสภาพฟิตเปรี๊ยะเต็มที่ก่อนเกมคืนนี้ด้วย เพราะไม่ได้ลงสนามในเกม ยูโรปา ลีก เมื่อวันพฤหัสบดีเพราะติดโทษแบน และน่าจับตาดูว่า เขาจะมีชื่อทำประตูใส่ทีมปีศาจแดงได้เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันหรือไม่
ขณะที่ ลูกากู หากทำประตูได้ต่อเนื่องอีกในคืนนี้ จะทำให้เขายิงได้ 4 นัดติดต่อกันให้ต้นสังกัดเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้
4. ขาดตัวหลักกันเยอะทั้งคู่


อูไน เอเมรี่ กุนซือของ อาร์เซน่อล จะยังไม่สามารถใช้งาน เอคตอร์ เบเยริน, ร็อบ โฮลดิ้ง และ แดนนี่ เวลเบ็ค ที่เจ็บยาวทั้งหมด รวมไปถึง ลูคัส ตอร์เรยร่า กองกลางทีมชาติอุรุกวัย ที่จะติดโทษแบนเป็นนัดแรก จากทั้งหมด 3 นัดด้วย
คนที่ทีมปืนใหญ่จะต้องคิดถึงที่สุดคงเป็นแบ็กขวาอย่าง เบเยริน เพราะนักเตะอย่าง สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ หรือ ไอน์สลี่ย์ ไมต์แลนด์-ไนล์ส ก็ทดแทนได้ไม่ดีเท่า ขณะที่ ชโคดราน มุสตาฟี่ ที่รับบทแบ็กขวาจำเป็นใน 2 เกมหลัง ก็ถนัดกับตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟมากกว่า
ขณะที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่เมื่อกลางสัปดาห์ต้องขาดนักเตะทีมชุดใหญ่ไปถึง 10 คน จะได้กำลังสำคัญกลับคืนมาหลายคนในนัดนี้ ทั้ง ปอล ป็อกบา ที่พ้นโทษแบนจากเกมยุโรป รวมไปถึง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เนมานย่า มาติช ที่หายเจ็บกลับมาพร้อมลงเล่นแล้ว
อย่างไรก็ตาม กำลังสำคัญอย่าง อันเดร์ เอร์เรร่า และ เจสซี่ ลินการ์ด ยังไม่พร้อมลงสนาม ส่วนแนวรุกที่น่าจะเป็นทีเด็ดได้อย่าง อเล็กซิส ซานเชซ กับ ฆวน มาต้า ก็ยังไม่หายเจ็บ ทำให้ทีมปีศาจแดงยังไม่สามารถจัด 11 ตัวแรกลงสนามแบบฟูลทีมได้ ไม่ต่างอะไรกับทางฝั่งเจ้าถิ่น
5. คุณภาพรุก-รับ 2 ทีมใกล้เคียงกัน


อาร์เซน่อล สามารถทำประตูได้มากกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ 3 ประตู แต่ทีมปีศาจแดงเสียประตูน้อยกว่า 1 ลูก
และด้วยช่องว่างที่ผีแดงนำห่างแค่แต้มเดียว ด้วยจำนวนแข่งเท่ากัน น่าจะเป็นหลักฐานที่ฟ้องว่าผลงานโดยรวมของทั้ง 2 ทีมในซีซั่นนี้สูสีกันได้เป็นอย่างดี
แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะกำลังผลงานสุดยอดภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ แต่ย้อนไปช่วงต้นฤดูกาล อูไน เอเมรี่ ก็เคยพา อาร์เซน่อล ไม่แพ้ถึง 22 นัดติดต่อกัน รวมทุกรายการให้เห็นมาแล้ว
และหากนับเฉพาะผลงานในพรีเมียร์ลีก 4 นัดหลังสุด ทั้ง 2 ทีมต่างเก็บได้ทีมละ 10 แต้มเท่ากัน เสียประตูไป 3 ลูกเท่ากัน โดยที่ อาร์เซน่อล ยิงได้มากกว่าเพียง 1 ประตูเท่านั้น
ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่สูสีกันเช่นนี้ ต้องบอกเลยว่า อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเจอกันถูกเวลาพอดี และคอบอลพรีเมียร์ลีก ก็ไม่ควรพลาดชมเกมคืนนี้เด็ดขาด!!