แล้วกลับมาเดินหน้าเก็บแต้มแรกโดยเร็วให้ได้ โดยเริ่มจากเกมสำคัญวันอังคารนี้ ที่จะเปิดบ้านพบ ออสเตรเลีย ทันที
ชี้ชัดผลงานไทย 2016 “โดนก่อน = แพ้”

มันอาจฟังดูน่าตกใจ แต่จากผลงานทั้งหมดในปี 2016 ของทีมชาติไทยชุดใหญ่ ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็คือ ถ้าหากนัดไหนเราเสียประตูให้คู่แข่งก่อน เราจะแพ้ทุกครั้ง
และหากไม่นับเกมแรกของรอบ 12 ทีมสุดท้าย ที่ออกไปแพ้ ซาอุดิอาระเบีย 0-1 ด้วยการโดนจุดโทษกังขาช่วงท้ายเกมแล้ว ความพ่ายแพ้ที่เหลือ ล้วนเป็นเกมที่เราเสียประตูในช่วงก่อนนาทีที่ 20 ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งทางของครึ่งแรกทั้งหมด
และ 4 จาก 5 นัดที่เราโดนเร็ว เรายิงคืนไม่ได้เลย หรือไม่ก็แพ้ด้วยสกอร์ที่ขาดเกิน 1 ลูก!!
“ขาดความมั่นใจ” ส่งผลเสียต่อสมาธิช่วงต้นเกม
ไทยต่อสู้กับ ซาอุดิอาระเบีย ได้อย่างไม่เป็นรอง แต่กลับแพ้ 1-0 เมื่อโดนจุดโทษน่าฉงนช่วงท้ายเกม
การพ่ายแพ้แบบนั้นส่งผลเสียหายกว่าที่คิด และเมื่อทีมต้องอดใช้งาน สารัช อยู่เย็น ซึ่งสำคัญที่สุดในการคุมจังหวะเกมแดนกลาง ทำให้ไทยตัดสินใจเล่นเกมรับเต็มตัวในการพบกับ ญี่ปุ่น
การส่ง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ลงตัวจริงไปช่วยซ้อน ทริสตอง โด คือหลักฐานว่าเน้นป้องกันมากกว่ารุก และสุดท้ายการเล่นแบบรอโดน ก็ต้านทานการบุกของทีมซามูไรตั้งแต่ต้นเกมไว้ไม่อยู่

ญี่ปุ่นได้โอกาสลุ้นประตูก่อนสอยตาข่ายลูกแรกได้ถึง 2 ครั้ง และครั้งที่สามจากลูกโขกของ เงนกิ ฮารางูจิ ก็เป็นประตูทันที และทีมช้างศึกก็ไม่มีความหวังทวงประตูคืนเลย แถมมาโดน ทาคุมะ อาซาโนะ ซัดปิดท้ายจากจังหวะลุยโต้
นัดล่าสุดที่ออกไปแพ้ อิรัก 4-0 คือตัวอย่างชัดเจนที่สุดของความย่ำแย่ในด้านสภาพจิตใจ เมื่อบวกกับสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม นักเตะหลายคนลงสนามไปแบบไม่ฟิตสมบูรณ์ แถมต้องลงเตะตั้งแต่เวลาเที่ยงวันของกรุงเตหะราน รูปเกมของไทยจึงเป็นรองตั้งแต่ต้นเกม

กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ต้องเซฟไปถึง 2 ครั้ง ตั้งแต่ 5 นาทีแรก และพออิรักได้โอกาสจะแจ้งเป็นหนที่ 3 พวกเขาไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือเช่นเดียวกับที่ ญี่ปุ่น แสดงให้ดู
ก่อนที่ทีมสิงโตแห่งเมโสโปเตเมีย จะอาศัยจังหวะของเกมทุกอย่างที่เป็นใจ ทั้งการที่ไทยเล่นต่ำกว่ามาตรฐาน, การวางหมากผิดพลาดของ “โค้ชซิโก้” และการตัดสินที่ไม่เป็นใจจากกรรมการ ไล่ยิงไทยไส้แตกไป 4-0
สิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม และมีสมาธิกับเกมตั้งแต่นาทีแรก นี่คือจุดที่ไทยต้องแก้ไขให้ได้ก่อนสิ่งอื่น!!
ตัวริมเส้นต้องห้ามเสียบอลง่าย!!

มงคล ทศไกร ไม่สามารถเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งแม้แต่ครั้งเดียว จาก 4 นัดที่ผ่านมา และมักทำพลาดเสียบอลคืนให้คู่ต่อสู้จนทีมโดนบุกสวนหลายครั้ง
ตัวอย่างชัดคือเกมที่พบกับ อิรัก เขาทำบอลเสีย 3 ครั้ง จนนำไปสู่จังหวะโต้กลับของคู่แข่ง และสุดท้ายก็เล่นไม่ครบครึ่งแรกก็ต้องโดนเปลี่ยนตัวออก
เช่นเดียวกับ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ที่มักทำอะไรคู่แข่งในแนวรุกไม่ได้ จน ธีราทร บุญมาทัน ต้องวิ่งเติมขึ้นสูงหลายหน นำไปสู่การเปิดพื้นที่ให้คู่แข่งโจมตีทางกราบซ้ายของเรา (ขวาของคู่แข่ง)
และประตูเบิกร่องที่เราเสียให้ ญี่ปุ่น และ อิรัก ก็มาจากการครอสบอลทางฝั่งนั้น
แต่มีความหวัง ออสซี่ไม่ใช่ทีมยิงนำไว!!

ออสเตรเลียยิงในครึ่งแรกได้แค่ประตูเดียว จาก 4 เกมที่ผ่านมาของรอบ 12 ทีม แถมเกิดขึ้นในนาทีสุดท้ายก่อนพักครึ่งพอดิบพอดีเสียอีก (เทรนท์ เซนส์บิวรี่ เกมบุกเสมอ ซาอุดิอาระเบีย 2-2)
ถ้าหากทีมจิงโจ้ยังรักษามาตรฐานการเป็น “สิงห์ยิงช้า” ไว้ต่อไป ไทยก็น่าจะมีความหวังที่จะได้ผลการแข่งขันที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากชิงจังหวะเป็นฝ่ายขึ้นนำคู่แข่งได้ก่อน
เพราะสถิติในปี 2016 ของเรา แม้โดนนำก่อน = แพ้ แต่ถ้านำเขาก่อน ก็ไม่เคยพ่ายเหมือนกัน!!
โดย MaChode
ทีมงาน Balltoro ขอน้อมเกล้า ถวายความอาลัย ส่งเสด็จองค์ภูมินทร์ สู่สวรรคาลัย ท่านจะอยู่ในดวงใจปวงชนชาวไทยตลอดไป
_____________________
Balltoro ตัวจริงด้านสถิติฟุตบอล ไม่ใช่แค่รู้แต่ต้องลึก จับประเด็นสำคัญ จับแทคติกการเล่น ให้คุณสนุกกับการดูบอลมากกว่าที่เคยเป็น ติดตามความเคลื่อนไหวทั้ง ข่าวบอลไทย ข่าวพรีเมียร์ลีก ลา ลีกา และลีกดังมากมาย