แบ็กขวา : แซร์ช โอริเย่ร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)


แบ็กขวาทีมชาติโกตดิวัวร์ ลงสนามเกมลีกไป 3 นัดเมื่อเดือนที่ผ่านมา และช่วยให้ทีมไม่แพ้เลยในการพบกับ เวสต์แฮม, เอฟเวอร์ตัน และ เซาธ์แฮมป์ตัน
จุดเด่นของ โอริเย่ร์ คือการเติมเกมรุกที่ดุดัน เขาสร้างโอกาสทำประตูให้เพื่อนรวมกัน 6 ครั้ง ในเดือนมกราคม และหนึ่งในนั้นกลายเป็นแอสซิสต์ให้ ซน ฮึง-มิน ยิงเปิดหัวเกมถล่ม เอฟเวอร์ตัน 4-0
เซนเตอร์แบ็ก : แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (เลสเตอร์ ซิตี้)


ช่วยให้ทีมไม่เสียประตูในพรีเมียร์ลีก 3 นัดแรกของเดือน โดยทำสถิติเคลียร์บอลอันตรายรวมกันถึง 29 ครั้ง
เซนเตอร์แบ็กเจ้าของส่วนสูงถึง 194 เซนติเมตร ยังครองสถิติ เป็นกองหลังชาวอังกฤษที่มีส่วนกับประตูมากที่สุด ในซีซั่น 2017-18 (ยิง 2 แอสซิสต์ 4)
ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาน่าจะเป็นหนึ่งใน 23 ขุนพลทีมสิงโตคำราม ชุดลุย ฟุตบอลโลก 2018 แน่
เซนเตอร์แบ็ก : แอลฟี่ มอว์สัน (สวอนซี ซิตี้)


เป็นตัวแสบสำหรับทีมยักษ์ใหญ่ หลังเป็นคนทำประตูชัยให้ทีมเปิดบ้านดับ ลิเวอร์พูล 1-0 ก่อนจ่ายทะลุช่องให้ แซม คลูคัส ซัดตีเสมอ 1-1 จนช่วยให้ทีมพลิกกลับมาเฮ นัดที่เปิดบ้านอัด อาร์เซน่อล 3-1
แบ็กซ้าย : นาโช่ มอนเรอัล (อาร์เซน่อล)


หากใครใส่ชื่อของกองหลังสแปนิชรายนี้ไว้ในเกม แฟนตาซี พรีเมียร์ลีก รับรองว่าได้แต้มบวกกระจุยกระจายในช่วง 2 เกมหลัง เพราะเจ้าตัวมีส่วนกับประตูถึง 4 ลูก (ยิง 2 แอสซิสต์ 2)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นัดที่ทีมเปิดบ้านยำใหญ่ บอร์นมัธ 4-1 เขาทำผลงาน ยิง 1 จ่าย 2 ทั้งที่อยู่ในสนามเพียง 34 นาที เพราะเจ็บจนโดนเปลี่ยนออกกะทันหัน
ส่วนเกมล่าสุดที่ทีมบุกแพ้ สวอนซี 3-1 มอนเรอัล ก็ทำประตูได้อีกลูก ให้ทีมเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนด้วย
ปีกขวา : ริยาด มาห์เรซ (เลสเตอร์ ซิตี้)


ระเบิดฟอร์มเทพต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส โดยโชว์ความพลิ้ว เลี้ยงหลบคู่แข่งไป 14 ครั้ง สร้างโอกาสอีก 6 ครั้ง จากการลงสนาม 3 นัดในพรีเมียร์ลีกเดือนมกราคม
ปีกทีมชาติแอลจีเรีย ไม่ได้ลงช่วยทีมใน 2 เกมหลังที่แข่งในถ้วย เอฟเอ คัพ รวมถึงนัดบุกแพ้ เอฟเวอร์ตัน 2-1 เพราะดูเหมือนว่ากำลังเสียสมาธิกับข่าวย้ายทีม
แต่หลังจากที่ตลาดซื้อขายปิดตัวลง แล้วเขายังคงอยู่กับ เลสเตอร์ ต่อไป น่าจะทำให้แฟนจิ้งจอกสยามชื่นใจมากๆ แน่ เพราะตั้งแต่ขึ้นปี 2018 เกมใดที่ มาห์เรซ ลงสนาม ทีมไม่แพ้ และไม่เสียประตูเลย
กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)


มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมทุกเดือนจริงๆ สำหรับเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียมคนนี้ โดยในเดือนมกราคม เขาโชว์ผลงานสุดเด็ด ยิง 4 แอสซิสต์ 3 โดยได้โอกาสลงสนามนับรวมทุกรายการ
เดอ บรอยน์ แอสซิสต์ไปแล้วถึง 11 ลูก มากกว่าผู้เล่นทุกคนในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ โดยจ่ายให้เพื่อนยิงได้ตลอด 2 เกมหลังในลีก และเป็นผู้เล่นเอาต์ฟิลด์คนเดียวที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ส่งลงตัวจริงครบ 25 นัดที่ผ่านมาด้วย
กองกลาง : คริสเตียน เอริคเซ่น (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)


เป็นนักเตะที่ท็อปฟอร์มสุดๆ ของทีมไก่เดือยทองในเดือนมกราคมก็ว่าได้ โดยสร้างโอกาสทำประตูไป 14 ครั้ง ก่อนทำผลงาน ยิง 2 จ่าย 1
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกมที่ สเปอร์ส เปิดบ้านชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์กคือคนซัดประตูนำตั้งแต่ 11 วินาทีแรก และคุมเกมได้อย่างอยู่หมัด จนคว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์
ปีกซ้าย : อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)


ใน 3 เกมแรกของปี 2018 มาร์กซิยาล มีชื่อทำประตูให้ทีมปีศาจแดงทั้ง 3 นัด โดยทำแอสซิสต์ได้อีกลูกในเกมพบ สโต๊ค ซิตี้ ด้วย
น่าเสียดายที่ฟอร์มกำลังติดเครื่องของเขา ต้องมาสะดุดลงในเกมพบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เพราะถูกโยกตำแหน่งจากตัวรุกกราบซ้ายไปยืนทางขวา เพราะการมาของ อเล็กซิส ซานเชซ
โชเซ่ มูรินโญ่ คงต้องไปทำการบ้านอย่างหนักหลังได้ อเล็กซิส มา ว่าจะใช้งานดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสในตำแหน่งไหน แต่ผลงานในช่วงที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า มาร์กซิยาล จะเล่นได้ดีที่สุด หากไปยืนทางฝั่งซ้าย
กองหน้า : คัลลั่ม วิลสัน (บอร์นมัธ)


ไม่มีชื่อติดทีมไม่ได้จริงๆ สำหรับหัวหอกชาวอังกฤษคนนี้ เพราะเป็นตัวแสบในการพา บอร์นมัธ ล้มยักษ์ใหญ่ทั้ง อาร์เซน่อล และ เชลซี
การเจอทีมใหญ่ทั้ง 2 เกมดังกล่าว วิลสัน ต่างทำผลงาน ยิง 1 แอสซิสต์ 1 แถมในวันขึ้นปีใหม่ 2018 ก็เป็นฮีโร่ซัดให้ทีมบุกแบ่งแต้มจาก ไบรท์ตัน ในช่วงท้ายเกมด้วย
กองหน้า : เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)


ตัวเต็งอันดับหนึ่งที่จะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนไปครอง หลังระเบิดฟอร์มสุดฮอต ซัดไปถึง 9 ประตู จากการลงเล่น 8 นัดรวมทุกรายการ ตั้งแต่ขึ้นปี 2018
อเกวโร่ สามารถทำประตูได้ครบทั้ง 4 นัดที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีกเดือนที่ผ่านมา โดยกดแฮตทริกได้ด้วยในเกมพบ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทำให้แซงหน้า ราฮีม สเตอร์ลิง ขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดประจำทีมแล้ว ด้วยผลงานการซัด 17 ลูกในลีก


ผู้จัดการทีม : เอ็ดดี้ ฮาว (บอร์นมัธ)
พาทีมไร้พ่ายในลีกตลอดเดือน (ชนะ 2 เสมอ 2) แม้จะมีโปรแกรมหนักต้องเจอทั้ง อาร์เซน่อล และ เชลซี แถมได้เล่นในบ้านแค่นัดเดียว คือเกมพบทีมปืนใหญ่ ถือเป็นผลงานที่ต้องยกนิ้วให้จริงๆ
จาก 8 แต้มที่เก็บได้ในเดือนที่ผ่านมา ยังทำให้ บอร์นมัธ กระโดดขึ้นไปอยู่ครึ่งบนของตารางเรียบร้อยแล้ว และโอกาสรอดตกชั้นยิ่งสดใสมากขึ้นด้วย